หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > “Sharing Mobility” ในอิตาลี แรงจนฉุดไม่อยู่

“Sharing Mobility” ในอิตาลี แรงจนฉุดไม่อยู่

“การแบ่งปัน/แชร์/ร่วม” และ “การเคลื่อนที่ของยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ จักรยาน และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า” หรือที่เรียกว่า ระบบการแบ่งปันบริการเคลื่อนที่ (Sharing Mobility) ซึ่งได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนที่ในอิตาลีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในใจกลางเมืองใหญ่ Sharing Mobility ถือเป็นวิธีใหม่ในการเดินทางแทนการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ซึ่งส่งผลประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านของการลดการจราจรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การเลือกใช้ Sharing Mobility เพิ่มมากขึ้น คือ ความยืดหยุ่น ราคาที่แข่งขันได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับบริการให้เช่าแบบดั้งเดิม) และแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายและล้ำสมัยมากขึ้น เพียงไม่กี่คลิ๊กก็สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มและเลือกวิธีการเดินทางที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าในปี 2566 การใช้บริการรถยนต์ Car Sharing ในอิตาลีอาจจะมีรายได้ถึง 850 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยระบบ Sharing Mobility ที่เป็นที่นิยม และได้รับความนิยมในอิตาลี แบ่งได้ดังนี้
Car Sharing ถือเป็นการให้บริการที่กระจายอยู่ในใจกลางเมือง โดยผู้ใช้รถยนต์ต้องดำเนินการจองเพื่อเช่า ซึ่งปกติจะเป็นการเช่าลักษณะช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยชำระค่าธรรมเนียมตามการใช้งานจริง โดยบริการรถยนต์แบ่งปันใช้ร่วมกันสามารถเลือกเช่าได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) station based โดยยานพาหนะจะจอดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ โดยเมื่อสิ้นสุดการเช่ารถยนต์จะต้องจอดไว้ที่จุดสถานีเท่านั้น 2) free station ซึ่งรถยนต์สามารถเลือกใช้และจอดทิ้งไว้ได้ทุกที่ภายในพื้นที่ให้บริการที่กำหนดไว้
ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์และวิจัย Statista เปิดเผยว่า ปี 2566 ตลาด Car Sharing ในอิตาลีมีผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคน และคาดว่าจะสูงถึง 2.75 ล้านคน ภายในปี 2570 จากผลกระทบสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้รายได้ขยายตัวลดลง แต่ขณะนี้แนวโน้วเป็นบวกรายได้เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR 2023 – 2027) ที่ 4.41% จนกระทั่งถึงปริมาณของตลาดที่คาดไว้ที่ 1.01 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 โดยปัจจุบันการใช้ Car Sharing เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถเข้าถึงพื้นที่จำกัดการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากข้อมูลของ Statista Market Insights เปิดเผยว่า บริษัทที่ให้บริการ Car Sharing รายสำคัญๆ ในอิตาลี ได้แก่ Enjoy (อิตาลี) ซึ่งเป็น Car Sharing ของ Enilive ซึ่งครอบคลุม 40% ของตลาด Car Sharing ในอิตาลี เช่นเดียวกับ Share Now (เยอรมนี) และ Zity (สเปน) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 23% และ 15% ตามลำดับ

Bike Sharing ในปี 2565 อิตาลีมีผู้ใช้ Bike Sharing มากกว่า 2.5 ล้านคน หรือคิดเป็นรายได้รวม 48.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bike Sharing ได้กลายเป็นบริการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเขตเมืองขนาดใหญ่ การเช่าจักรยานเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ประหยัด ยืดหยุ่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรวดเร็ว รวมถึงช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางในระยะทางสั้นๆ โดยปัจจุบันในเมืองต่างๆ ในอิตาลีได้มีการขยายเส้นทางสำหรับรถจักรยานเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตเมืองใหญ่ เพื่อลดมลพิษทางอากาศและการจราจรทางรถยนต์
จากการคาดการณ์ของ Statista เกี่ยวกับอนาคตการให้บริการ Bike Sharing ในอิตาลีจะมีแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น และรายได้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 4.65% โดยคาดว่าปี 2570 จะมีมูลค่าทางตลาดอยู่ที่ 62.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจำนวนผู้ใช้จะเกินกว่า 3 ล้านคน นอกจากนี้ ตามรายงานของ Statista Market Insights ผู้ให้บริการหลักสำหรับ Bike Sharing ในอิตาลี คือ Lime (สหรัฐอเมริกา) และ RideMovi (อิตาลี) ซึ่งแต่ละรายคิดเป็นสัดส่วน 21% ของตลาด Bike Sharing ในอิตาลี รองลงมา ได้แก่ Bird (สหรัฐอเมริกา) คิดเป็นสัดส่วน 15% และ Tier (เยอรมนี) คิดเป็นสัดส่วน 15% ในขณะที่ Bolt (เอสโตเนีย) คิดเป็นสัดส่วน 7% ของตลาด Bike Sharing ในอิตาลี

รถจักรยานยนต์สกูตเตอร์ ถือเป็นยานพาหนะที่กำลังได้รับความนิยมของตลาดการเคลื่อนที่สมัยใหม่ และยังคงมีศักยภาพที่สำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต โดยปี 2566 คาดว่า รายได้ในตลาดการแบ่งปันรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ (Scooter Sharing) จะสูงถึง 43.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และภายในปี 2570 รายได้อาจเติบโตถึง 72.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงอาจมีผู้ใช้บริการเกือบ 5 แสนคน โดย Scooter Sharing ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาด Sharing Mobility ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ซึ่งมีบริษัทจำนวนมากกำลังลงทุนด้านทรัพยากร เพื่อขยายกลุ่มยานพาหนะดังกล่าว และทำให้การบริการมีความคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงการใช้มาตรการความปลอดภัยใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างสูงสุด

สกูตเตอร์ไฟฟ้า ถือเป็นยานพาหนะที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสัญจรร่วมกันในเมืองต่างๆ ทั่วโลก โดยสกูตเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ปัจจุบันจะพบว่าประชาชนในอิตาลีตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงพนักงาน เลือกใช้บริการสกูตเตอร์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีจุดหมายปลายทางที่ค่อนข้างสั้น โดยการใช้บริการระบบแบ่งปันสกูตเตอร์ไฟฟ้า (E-Scooter Sharing) ในอิตาลีปี 2566 คาดว่าจะสร้างรายได้สูงถึง 60.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และปี 2570 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการถึง 2.9 ล้านคน หรือคิดเป็นรายได้ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากสกูตเตอร์ไฟฟ้ามีข้อดีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูง สถานที่จอดรถที่ยืดหยุ่น และการเข้าถึงพื้นที่การจราจรที่จำกัดได้อย่างไม่จำกัด ทำให้ปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือการเคลื่อนที่ขนาดเล็กที่มีการแข่งขันที่สูงในตลาดอิตาลี
จากข้อมูลของ Statista Market Insights เปิดเผยว่า ซัพพลายเออร์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สำคัญในอิตาลี ได้แก่ Dott (เนเธอร์แลนด์) ครองส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ 23% รองลงมา ได้แก่ Helbiz (อิตาลี) คิดเป็นสัดส่วน 22% ของตลาดสกูตเตอร์ไฟฟ้าของอิตาลี Lime (สหรัฐอเมริกา) คิดเป็นสัดส่วน 14% ในขณะที่ Bird (สหรัฐอเมริกา) คิดเป็นสัดส่วน 10% และ Tier (เยอรมนี) คิดเป็นสัดส่วน 10%

ปี 2565 ระบบ Sharing Mobility ในอิตาลี มีผลประกอบการสูงถึง 178 ล้านยูโร หรือขยายตัว +38% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยจำนวนของการเช่ายานพาหนะร่วม ขยายตัว +41% เมื่อเทียบกับปี 2564 หรือคิดเป็นจำนวนการเดินทางประมาณ 49 ล้านครั้ง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงจำนวนจุดบริการที่เปิดใช้งานอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิตาลีก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจาก 190 แห่ง ในปี 2564 เป็น 211 แห่ง ในปี 2565 และจำนวนยานพาหนะที่พร้อมให้บริการร่วมแก่ผู้ใช้ก็เพิ่มขึ้นจาก 89,000 รายการ เป็น 113,000 รายการ ระหว่างปี 2564 – 2565 การแชร์สกู๊ตเตอร์ การแชร์รถยนต์รูปแบบ station based และการแชร์รถจักรยาน มีผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น +48%, +72% และ +95% ตามลำดับ ในปี 2566 มิลานถือเป็นเมืองลำดับ 3 ในยุโรป สำหรับ Sharing Mobility ขยายตัว +21% และมีจำนวนการเช่าในเดือนเมษายน 2566 เกือบ 1 ล้านครั้ง อย่างไรก็ตาม กรุงโรมและกรุงมาดริด ได้มีการลดจำนวนผู้ปฏิบัติงานและยานพาหนะที่หมุนเวียนกับการให้บริการด้านสาธารณะเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ กรุงเบอร์ลินมีการให้บริการด้านยานยนต์ขนาดเล็กขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะเวลา 1 ปี มีการเช่ายานพาหนะเพิ่มจาก 420,000 ครั้ง เป็น 1.7 ล้านครั้ง (+306%) โดยกรุงเบอร์ลินมีจำนวนการเดินทางโดย Sharing Mobility เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 คือ บาร์เซโลนา (+44%)
ความคิดเห็นของ สคต. มิลาน
ในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา Sharing Mobility ในอิตาลีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผู้คนที่อาศัยอยู่ในใจกลางเมืองและปริมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประชาชนหันมาเลือกใช้บริการระบบการแบ่งปันการเคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และมีระบบการให้บริการที่เข้าถึงง่ายและสะดวก โดยปัจจุบันรัฐบาลอิตาลีได้ให้ความสำคัญกับระบบ Sharing Mobility เพิ่มขึ้น เห็นได้จากการขยายพื้นที่ทางเดินรถจักรยาน สกูตเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในหลายเมืองใหญ่ๆ เพิ่มระบบการแบ่งปันบริการเคลื่อนที่ตามจุดต่างๆ มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกใช้ยานพาหนะที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น (ตามนโยบาย European Green Deal ตามกฎหมาย Fit for 55) โดยปัจจุบันภายในเมืองใหญ่ๆ อย่างเทศบาลเมือง มิลานได้ออกระเบียบข้อบังคับในการกำหนดใช้ยานพาหนะในใจกลางเมือง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการจราจร โดยได้กำหนดให้รถยนต์ที่ไม่เป็นไปตามประเภทที่กำหนดห้ามขับในกลางเมืองมิลานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป และตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2566 จะมีการปรับค่าธรรมเนียมของรถยนต์ที่เข้ามาในพื้นที่ใจกลางเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่า Area C จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าเมืองจาก 5 ยูโร เป็น 7.50 ยูโรแทน ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนหันมาเลือกใช้ Sharing Mobility เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายการส่งออก รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ที่ใช้สำหรับการผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สกูตเตอร์ รถจักรยาน และสกูตเตอร์ไฟฟ้า เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้ใช้ Sharing Mobility ในอิตาลีที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งที่ผ่านมา สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยมายังตลาดอิตาลี โดยปี 2566 (มกราคม-สิงหาคม) ไทยส่งออกสินค้ารถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวถึง +39.37% หรือคิดเป็นมูลค่า 62.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
——————————————————————-
ที่มา: https://www.ilsole24ore.com/art/sharing-mobility-numeri-e-protagonisti-mercato-italia-AFmmV60

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login