หน้าแรกTrade insightการค้าระหว่างประเทศ > รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 – สคต. ชิคาโก

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2566 – สคต. ชิคาโก

  1. อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)

สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานปรับปรุงอัตราการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เป็นร้อยละ 2.2 (จากเดิมร้อยละ 2.0) และ รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ประมาณการครั้งที่ 3 (Third Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 (เท่ากับประมาณการครั้งที่ 2)

โดยแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 เป็นผลมาจากการขยายตัวของ การลงทุนระยะยาวไม่ใช่ที่อยู่อาศัย การใช้จ่ายภาคประชาชน การใช้จ่ายรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ในขณะที่ การส่งออกกลับชะลอตัวลง

สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2566

ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce

 

  1. อัตราการว่างงาน

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.8 มีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 5.14 แสนคนเป็นทั้งสิ้น 6.4 ล้านคน

โดยในเดือนสิงหาคม 2566 สหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 187,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาที่ 271,000 ตำแหน่ง

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 71,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 40,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 26,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมก่อสร้าง 22,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการทางธุรกิจ 19,000 ตำแหน่ง
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า 34,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสารสนเทศ 15,000 ตำแหน่ง
  • ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมการค้าปลีก อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมบริการอื่นๆ และการจ้างงานภาครัฐไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

 

  1. ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 3.7 ไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted)

โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Unadjusted) กลุ่มอาหารและกลุ่มสินค้าและบริการอื่นปรับตัวเพิ่มเฉลี่ยร้อยละ 4.3 ในขณะที่กลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวลดลงราวร้อยละ 3.6 รายละเอียด ดังนี้

3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 6.0) เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 4.8) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 2.1) ผลิตภัณฑ์จากนม (+ร้อยละ 0.3) และเนื้อสัตว์และไข่ (ไม่เปลี่ยนแปลง)

3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 2.1) น้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 3.3) และก๊าซธรรมชาติ      (-ร้อยละ 16.5)

3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 10.3) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 7.2) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 5.6) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 4.5) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 3.7) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 3.1) รถยนต์ใหม่ (+ร้อยละ 2.9) ส่วนรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 6.6) และบัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 13.3)

สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

  1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)

The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในเดือนกันยายน 2566  โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวลดลงจาก 108.7 ในเดือนสิงหาคม 2566 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เหลือ 103.0 ในเดือนกันยายน 2566 เช่นเดียวกันกับดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวลดลงจาก 83.3 ในเดือนสิงหาคม 2566 เหลือ 73.7 ในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งต่ำกว่า 80.0 เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของโอกาสในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า                   อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันกลับยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิม 146.7 ในเดือนสิงหาคม 2566 เป็น 147.1 ในเดือนกันยายน 2566

แนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคในตลาดที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม – กันยายน) เป็นผลกระทบมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าพลังงาน นอกจากนี้ ผู้บริโภคในตลาดยังคงมีความกังวลกับภาวะความผันผวนทั้งด้านการเมืองภายในประเทศ รวมถึงระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการในผู้บริโภคทุกกลุ่มอายุและระดับรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีขึ้นไป

ที่มา: The Conference Board

 

  1.  ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารรายเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.6 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 697,557 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 606,791 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก มีมูลค่าทั้งสิ้น 116,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง (+ร้อยละ 5.2) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.9) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (+ร้อยละ 0.7) สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.5) อาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.4) รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (+ร้อยละ 0.3) สินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.3) การบริการร้านอาหาร (+ร้อยละ 0.3) และ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (+ร้อยละ 0.1) ตามลำดับ

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน (-ร้อยละ 1.0) และการค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (-ร้อยละ 1.3) และอุปกรณ์กีฬา (-ร้อยละ 1.6) ตามลำดับ

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

  1. ภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้

สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนกรกฎาคม 2566 สุทธิทั้งสิ้น 65,022 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 2.05 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนกรกฎาคม 2566 เป็นมูลค่า 251,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.58 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

  • การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 168,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,242 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 96 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 83,310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 678 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รถบรรทุก ทองคำ (ที่ไม่ใช่สำหรับการเงิน) น้ำมันดิบ อุปกรณ์เวชภัณฑ์ การบริการขนส่ง และการบริการท่องเที่ยว เป็นต้น

สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนกรกฎาคม 2566 เป็นมูลค่า 316,683 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.68 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

  • การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 258,332 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 07 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 58,351 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรศัพท์ อุปกรณ์เวชภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า น้ำมันดิบ และการบริการการท่องเที่ยว เป็นต้น

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

  1. ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย

ในเดือนกรกฎาคม 2566 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 5,852.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 17) ลดลงร้อยละ 2.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,398.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

  • สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 13) ลดลงร้อยละ 0.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.62 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 47.64 ชิ้นส่วนตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 162.35 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) ลดลงร้อยละ 9.27 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.72

ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนกรกฎาคม 2566

  • สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 25) ลดลงร้อยละ 10.88 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) ลดลงร้อยละ 64.83 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ลดลงร้อยละ 10.85 ชิ้นส่วนและอุปกรณ์แทรกเตอร์ (HS Code 8708) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.78 และสินค้ามูลค่าต่ำ (HS Code 9980) เพิ่มขึ้นร้อยละ 89.08

ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนกรกฎาคม 2566

ที่มา: Global Trade Atlas

มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

ในเดือนกรกฎาคม 2566 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต.  ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,283.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 10.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 953.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 16.18 และรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 330.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.92 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 622.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 26.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

  • รัฐที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 37.40) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 14.73) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ12.22) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 11.19) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 7.90) ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 16.61 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 7.67 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 5.69 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 20 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 2.66 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 2.20 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 2.19 เครื่องจักรสำนักงาน (HS Code 8472) ร้อยละ 1.81 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.68 และ                        เลนส์ถ่ายภาพ (HS Code 9002) ร้อยละ 1.43 ตามลำดับ
  • รัฐที่ส่งออกไปไทย ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 29.08) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 13.36) รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 13.07) รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 10.95) และรัฐมินนิโซตา (ร้อยละ 8.12) ตามลำดับ โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 13.06 ขี้แร่ (HS Code 2619) ร้อยละ 11.71 โค้กและเซมิโค้กจากถ่านหิน (HS Code 2704) ร้อยละ 97 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 2.33 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 2.01 เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 1.75 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 1.55 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) ร้อยละ 1.54 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.46 และทองแดงบริสุทธิ์ (HS Code 7403) ร้อยละ 1.38 ตามลำดับ

สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

******************************

ที่มา :

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login