หน้าแรกTrade insight > นโยบาย/กฎระเบียบทางการค้านอร์เวย์: นอร์เวย์ประกาศขึ้นราคาค่าถุงพลาสติกซื้อของใส่กลับบ้าน

นโยบาย/กฎระเบียบทางการค้านอร์เวย์: นอร์เวย์ประกาศขึ้นราคาค่าถุงพลาสติกซื้อของใส่กลับบ้าน

รัฐบาลนอร์เวย์ประกาศขึ้นราคาค่าถุงพลาสติกซื้อของใส่กลับบ้าน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
มาตรการใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้มากกว่า 2 ใน 3 ในปีหน้า โดยประชาชนต้องเสียเงินมากกว่า 4 โครนนอร์เวย์ หากต้องการซื้อถุงพลาสติกซื้อของใส่กลับบ้าน (ประมาณ 13.67 บาท/อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ 1 โครนนอร์เวย์เท่ากับ 3.42 บาท)
ในปี 2565 ประชาชนนอร์เวย์ซื้อถุงพลาสติกจำนวนทั้งสิ้น 722 ล้านใบ หรือคิดเป็นจำนวน 132 ถุง/คน/ปีโดยเฉลี่ย ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะต่ำกว่าปี 2564 กว่า 100 ล้านใบ แต่ยังไม่ต่ำพอตามความคาดหวังของทางการ โดยมีเป้าหมาย คือ การซื้อถุงพลาสติกน้อยกว่า 40 ใบต่อปีภายในปี 2568 และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ทางการโดย Norwegian Retailers’ Environment Fund จึงเพิ่มราคาค่าถุงพลาสติกอีก 2 โครนนอร์เวย์ต่อถุง ซึ่งหลังจากมาตรการการขึ้นราคาใหม่นี้ บริษัทค้าปลีกในนอร์เวย์ทั่วไปจำหน่ายถุงพลาสติกซื้อของใส่กลับบ้านที่ราคาประมาณ 4 – 4.25 โครนนอร์เวย์ เช่น Bunnpris จำหน่ายที่ราคา 4 โครนนอร์เวย์ และ Rema1000, Kiwi, Coop Extra และ MENY จำหน่ายที่ราคา 4.25 โครนนอร์เวย์

จากมาตรการใหม่นี้ ซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของนอร์เวย์มียอดขายถุงพลาสติกที่ลดลง แต่ให้ความเห็นว่า ยังลดลงไม่เพียงพอ ทั้งนี้ Norwegian Retailers’ Environment Fund เปิดเผยข้อมูลว่า การใช้ถุงพลาสติกในนอร์เวย์ปล่อยสาร CO2 สู่สภาวะอากาศโลกปีละ 59,240 ตัน โดยนอร์เวย์ทิ้งถุงพลาสติกเป็นจำนวน 14,048 ตันทุกปี และพลาสติกคิดเป็นประมาณร้อยละ 6 ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด

แหล่งที่มาของข่าว NRK

บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต. ณ กรุงโคเปนเฮเกน:
• นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังห้ามการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastics) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ก้านสำลี (Cotton swabs) ช้อนส้อม (ได้แก่ ส้อม มีด ช้อน และตะเกียบ) จาน หลอดดูด แท่งลูกโป่ง และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ภาชนะบรรจุอาหารจากโพลีสไตรีน (EPS) บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่ทำจาก EPS ฝาปิด และถ้วย อย่างไรก็ตาม ก้านสำลีและหลอดดูดอาจมีพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวหากใช้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์
• ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – มิถุนายน) ถุงและกระสอบพลาสติกเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยอันดับที่ 7 ในตลาดนอร์เวย์ รองจาก (1) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (2) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (3) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (4) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า (5) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ และ (6) เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า โดยมีมูลค่าการส่งออกที่ 4.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในขณะที่นอร์เวย์นำเข้ากลุ่มผ้าสปันบอนด์ (รหัสศุลกากร 5603) รวม 31.56 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 20.98 และนำเข้าถุงกระดาษ (รหัสศุลกากร 481930) รวม 7.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.41
• ปัจจุบันนอร์เวย์มีประชากรรวม 5.50 ล้านคน ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ใช้กฎระเบียบที่คล้ายคลึงกับสหภาพยุโรปตามระเบียบที่เป็นสมาชิกกลุ่ม EEA ดังเช่นที่เป้าหมายของสหภาพยุโรปกำหนดให้ประชาชนใช้ถุงพลาสติกจำนวนน้อยกว่า 40 ใบต่อปีภายในปี 2568 เช่นเดียวกัน
• จากมาตรการดังกล่าว ร้านค้าปลีกหลายแห่งในนอร์เวย์ และกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการถุงพลาสติกแก่ลูกค้า เช่น นิยมการจำหน่ายถุงกระดาษ ถุงสปันบอนด์ทดแทน โดยมีราคาจำหน่ายแตกต่างกันไป (ถุงพลาสติกซุปเปอร์มาร์เก็ต MENY ณ กรุงโคเปนเฮเกน จำหน่ายที่ 6.95 โครนเดนมาร์ก/ถุง หรือประมาณ 35.74 บาท) ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกในนอร์เวย์ และกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์จะมีปริมาณลดลงต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login