หน้าแรกTrade insightอุตสาหกรรมอื่นๆ > เทศกาลลดราคาสินค้าฤดูร้อนอิตาลีคาดว่าเติบโตได้แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เทศกาลลดราคาสินค้าฤดูร้อนอิตาลีคาดว่าเติบโตได้แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เทศกาลลดราคาสินค้าฤดูร้อนอิตาลีคาดว่าเติบโตได้แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เทศกาลลดราคาส่งท้ายสินค้าฤดูกาลประจำปี ที่กำหนดอย่างเป็นทางการให้มีขึ้น 2 ครั้งต่อปี ได้แก่ การลดราคาสินค้าฤดูหนาว (Winter Sales) และสินค้าฤดูร้อน (Summer Sales) ซึ่งถือปฏิบัติจนเป็นธรรมเนียม เปิดโอกาสให้ร้านค้าได้ระบายสินค้าของฤดูกาลที่กำลังสิ้นสุดก่อนที่จะวางสินค้าในฤดูกาลต่อไป ในความเป็นจริง สินค้าแบรนด์เนมระดับสูงอิตาลีไม่ให้ความสำคัญกับเทศกาลลดราคาประจำปีมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าเฉพาะที่มีการผลิตจำนวนจำกัด สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีฐานะร่ำรวย อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่ขยายตัวในเชิงบวกแม้ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ฤดูร้อนอิตาลีได้เริ่มต้นขึ้นแล้วและด้วยสภาพอากาศที่ดีต่อการเดินช้อปปิ้ง เทศกาลลดราคาก็กลับมาอีกครั้ง โดยวันที่ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการลดราคาภาคฤดูร้อนปี 2566 เริ่มต้นตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2566 (ไม่ใช่วันเสาร์แรกของเดือนเหมือนปีก่อนๆ) เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ (จนถึง 30 สิงหาคม หรือ 3 กันยายน) ยกเว้นเขตปกครองตนเองอย่างจังหวัดโบลซาโน (ขอเริ่มต้นวันที่ 14 กรกฎาคม) การเลื่อนวันออกไปเป็นการลงมติในที่ประชุมของหน่วยราชการปกครองส่วนภูมิภาคเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 เพราะต้องการให้ร้านค้าได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าราคาปกติให้ได้นานที่สุด และด้วยตรงกับการเริ่มออกไปพักร้อนของคนส่วนใหญ่ ทำให้ผู้คนบางตาลงในเมืองใหญ่ แต่ก็ยังหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเป็นกลุ่มผู้ซื้อสำคัญสำหรับสินค้าแบรนด์เนมอิตาลี ที่บางส่วนมุ่งมาซื้อสินค้าลดราคาโดยตรง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงให้มูลค่าการค้า(สินค้าลดราคา)มีแนวโน้มในเชิงบวก

สมาพันธ์การค้าแห่งชาติอิตาลี (Confcommercio) คาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าสำหรับสินค้าลดราคาฤดูร้อนนี้จะมีประมาณ 3.4 พันล้านยูโร มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 213 ยูโรต่อครัวเรือนอิตาลี หรือเท่ากับ 95 ยูโรต่อคน ส่วนสมาพันธ์แฟชั่นอิตาลี (Federmoda) คาดว่ายอดจำหน่ายจะเติบโตเพิ่มขึ้น 5% และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทศกาลลดราคาว่าการเริ่มต้นพร้อมกันทั้งประเทศจะช่วยสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ตลอดจนหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเองที่นำมาแต่การเสียประโยชน์ของทุกฝ่าย และช่วยให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อไม่สูงสามารถเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าแฟชั่นในราคาย่อมเยา ปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าฤดูร้อนด้วยสี รุ่น เทรนด์และนวัตกรรมใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการในการเข้าสังคม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ร้านค้าแฟชั่นจะมีส่วนช่วยในการควบคุมราคาและลดอัตราเงินเฟ้อ เพราะภาคแฟชั่นเป็นเสาหลักใหญ่ของเศรษฐกิจอิตาลี
มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค (Consumer Code) ใหม่ในปีนี้ ที่มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 โดยมีหลักการ “ตลาดเดียวกัน กฎเดียวกัน” ด้วยการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการแสดงส่วนลดราคา โปรโมชั่น และการขาย ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น และมีผลบังคับใช้กับการค้าลดราคาบนเว็บและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้วย เช่น การกวดขันกับ “ส่วนลดปลอม” ที่พบว่าร้านค้าบางรายนำมาใช้ กล่าวคือ การขึ้นราคาสินค้าก่อนให้เปอร์เซ็นต์ส่วนลดสำหรับสินค้าลดราคา ซึ่งไม่สามารถทำได้อีกต่อไปเพราะมีบทลงโทษ กฎหมายใหม่กำหนดให้ร้านค้าระบุอย่างชัดเจน ทั้งราคาปกติ (ในช่วง 30 วันก่อนหน้า) เปอร์เซ็นต์ส่วนลด และราคาลดแล้ว ร้านค้าที่ไม่ปฏิบัติตามหรือพบว่าตั้งราคาปลอมหลอกลวงผู้บริโภคจะถูกปรับตั้งแต่ 516 ถึง 3,098 ยูโร
กฎหมายที่ปรับใหม่ มีข้อมูลดังนี้
1. การเปลี่ยนสินค้า – ผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนสินค้าหลังซื้อไปแล้ว โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของร้านค้าว่าจะให้เปลี่ยนหรือไม่ เว้นแต่สินค้าจะเสียหายหรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนด (กฤษฎีกาลงวันที่ 6 กันยายน 2548 ข้อที่ 206) ในกรณีนี้ ร้านค้าต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนสินค้าให้ แต่หากไม่สามารถทำได้ ก็ต้องลดราคาหรือยอมให้คืนสินค้าและคืนเงิน (ไม่ใช่ให้บัตรกำนัล) อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อสามารถแจ้งตำหนิสินค้าภายในสองเดือนนับจากวันที่ซื้อ และจำเป็นต้องมีใบเสร็จมาแสดงเสมอ
2. การลองเสื้อผ้า – ไม่มีการบังคับให้ลอง ให้อยู่ในดุลยพินิจของร้านค้าหากมีการนำกลับมาเปลี่ยน
3. การชำระเงิน – ร้านค้าต้องรับการชำระเงินทั้งในรูปแบบของบัตรเครดิตและเงินสด และสนับสนุนการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด
4. สินค้าสำหรับขายลดราคา – สินค้าที่เสนอขายต้องเป็นสินค้าตามฤดูกาลเท่านั้น และต้องมีค่าเสื่อมราคาอย่างมากหากไม่ได้ขายภายในฤดูกาล ไม่ใช่สินค้าค้างสต๊อก แนะนำให้หลีกเลี่ยงร้านค้าที่มีชั้นวางว่างครึ่งชั้นก่อนการขายและเต็มไปด้วยสินค้าที่หลากหลายในช่วงลดราคา เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลร้านค้าจะมีสต็อกสินค้าทุกขนาดและสีสำหรับสินค้าแต่ละประเภท และควรระวังส่วนลดที่สูงกว่า 50% ที่มักซ่อนสินค้าที่ไม่ใช่ของใหม่ หรือสินค้าด้อยคุณภาพ
5. การระบุราคา – ต้องระบุราคาขายปกติ (Normal price) เป็นราคาต่ำสุดที่ติดขายในช่วง 30วัน ก่อนเริ่มเทศกาลขายลดราคา ระบุเปอร์เซ็นต์ส่วนลด (%Discount) และราคาสุดท้ายที่ต้องจ่าย (Final price)
การเปิดเสรีการลดราคาสินค้า
สมาพันธ์แฟชั่นอิตาลี (Federmoda) ให้ความเห็นต่อการยกเลิกเทศกาลลดราคาประจำปี และให้มีการเปิดการลดราคาสินค้าและการทำโปรโมชั่นอย่างเสรีตลอดทั้งปี ตามการเรียกร้องของร้านค้าบางกลุ่มว่า ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของภาคแฟชั่นอิตาลี หรือการกระตุ้นการค้าที่กำลังซบเซา แต่เป็นข้อเสนอที่จะสร้างเงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างบริษัทที่มีขนาดต่างกัน และทำให้เกิดความยุ่งเหยิงทั้งในการจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ตลอดจนไม่เป็นการเคารพต่อการซื้อสินค้าราคาเต็มของผู้บริโภค และจะส่งผลกระทบกับบริษัทในเครือแฟชั่นทั้งหมด เป็นหัวข้อที่จำเป็นต้องได้รับการสำรวจอย่างเจาะลึกต่อไป เพื่อปกป้องร้านค้า พนักงานขาย และผู้บริโภค ในขณะนี้ การแทรกแซงที่มีประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบคือมาตรการลดต้นทุนสัญญาเช่าร้านเชิงพาณิชย์ การลดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าแฟชั่น Made in Italy และการให้โบนัสแฟชั่นสำหรับการซื้อสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

การลดราคาสินค้าของร้านค้าเมืองมิลาน
ยอดขายสินค้าลดราคาภาคฤดูร้อนประจำปี 2566 ของร้านค้าในเมืองมิลาน ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นที่สำคัญ โดยเฉพาะของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ วันแรกยอดขายลดลง -70% เมื่อเทียบกับวันแรกของปี 2565 เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความซบเซาของยอดขายครั้งนี้ ได้แก่สภาพอากาศที่เลวร้ายในเช้าวันพฤหัสบดี ซึ่งฝนและลูกเห็บตกหนัก เป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยวและนักช้อปปิ้ง และมีการเลื่อนวันเริ่มลดราคาสินค้าออกไปไกลเกินไป ควรเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2566 ที่เป็นวันหยุดซึ่งผู้คนจะว่างในการไปจับจ่ายซื้อของ
นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกจากเมืองไปพักร้อนประจำปีกันแล้ว ความสนใจกับการเที่ยวมีมากกว่า เนื่องจากปัจจุบันการลดราคาสินค้าอย่างไม่เป็นทางการและการโปรโมชั่นมีมากขึ้นจากหลายช่องทาง และเจาะถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงด้วยการส่งข้อความ หรือการให้ส่วนลดพิเศษ จึงทำให้ความตื่นเต้นในการล่าสินค้าราคาถูกลดลง และแน่นอนว่าอัตราเงินเฟ้อก็มีบทบาทเช่นกัน ซึ่งกำลังกัดเซาะกำลังซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าจะซื้อในราคาลด แต่ก็สามารถซื้อได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ฐานที่มั่นคงและแผ่กว้างของสินค้าแฟชั่นอิตาลีจะช่วยให้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังคาดการณ์ว่ายอดขายโดยรวมจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมาเป็นบวกเมื่อสิ้นสุดเทศกาลลดราคาฤดูร้อน ด้วยแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ความคิดเห็นของ สคต.มิลาน
1. เทศกาลดราคาสินค้าจะมีส่วนช่วยให้มีการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการค้าสินค้าลดราคาผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซก็ขยายตัวดีเช่นกัน โดยเฉพาะแฟชั่นฉาบฉวย (Fast fashion) ราคาถูก ก็ถือโอกาสแทรกเข้าตลาดมากยิ่งขึ้น ที่สร้างปริมาณขยะสิ่งทอกำจัดยากจำนวนมาก และสหภาพยุโรปกำลังหาทางกีดกันสินค้าเหล่านี้ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยในการเจาะตลาดสินค้าสีเขียว เนื่องจากไทยมีวัตถุดิบตามธรรมชาติมากมาย และแรงงานฝีมือดีที่ยังแข่งขันได้
2. การรณรงค์การซื้อให้น้อยลง เท่าที่จำเป็นใช้ จะเปลี่ยนพฤติกรรมให้ผู้คนหันมาใช้สินค้าที่มีคุณภาพและความคงทนนานขึ้น สินค้าที่สามารถรีไซเคิล และที่นำกลับมาเปลี่ยนรูปแบบและซ่อมแซมได้ จะทำให้ผู้ซื้อที่รอบคอบในการอ่านฉลากค้นหาสินค้าที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ผู้ประกอบการสินค้าเครื่องนุ่งห่มของไทย ควรเน้นผลิตสินค้าคุณภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย BCG และความยั่งยืน หากสามารถทำได้จะช่วยให้การส่งออกมาตลาดอิตาลีและสหภาพยุโรปง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ผู้ซื้อให้ความร่วมมือและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
3. ผู้ประกอบการไทยต้องคอยติดตามข่าวสารทางแฟชั่นอย่างใกล้ชิด แม้จะมีการเปลี่ยนคอลเลคชั่นตามภูมิอากาศทุก 6 เดือน แต่หากการซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็นอันมีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี หรือการใส่ใจให้ความร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการซื้อน้อยลง การออกแบบสินค้าดีไซน์ดี เลือกใช้วัสดุที่สามารถใช้งานได้หลายปีโดยไม่ตกแทรนด์ น่าจะเป็นอนาคตของสินค้าแฟชั่นที่ทำตลาดได้มั่นคงและยั่งยืนกว่าสินค้าตามแทรนด์แฟชั่นระยะสั้น
————————————————————————————–
ที่มา:

https://www.confcommercio.it/-/andamento-saldi
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)
18 กรกฎาคม 2566

Login