หน้าแรกTrade insight > อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล

อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล

รายงานเชิงลึก ฉบับที่ 2 (เมษายน – กันยายน 2566)

บทนำ
เพชรจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งเป็นสินค้าที่มีความสำคัญมากในด้านการค้าทั้งการส่งออกและนำเข้าระหว่างไทยกับอิสราเอลในอันดับต้นๆ ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2565-2566 (มค.-พค.) มีมูลค่าการนำเข้าสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยในปี 2565 ประเทศไทยนำเข้าเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ จากอิสราเอล อยู่ที่ 5,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับปี 2564 และในปี 2566(มค.-พค.) 2,289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกัน
ด้านการส่งออกนั้นก็มีความสำคัญมากเช่นกัน อัญมณีและเครื่องประดับ ในปี 2565-2566 (มค.-พค.) มีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับสอง โดยในปี 2565 ประเทศไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังอิสราเอล อยู่ที่ 2,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 2564 และในปี 2566 (มค.-พค.) 1,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกัน
อุตสาหกรรมเพชรมีบทบาทสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอล นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอล อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบัน อิสราเอลเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกเพชรเจียระไน (polished diamond) รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรดิบ (rough diamond) ที่สำคัญ สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก สร้างงานให้กับผู้คนชาวอิสราเอลและยังส่งผลบวกอย่างมากทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การเงิน เทคโนโลยีชั้นสูงการเจียระไน การขนส่ง ระบบรักษาความปลอดภัย การเงินและธนาคาร ได้รับการพัฒนาการให้บริการและสร้างรายได้อย่างมากไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมเพชร
1. ความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจ
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลมีความเป็นมาที่ยาวนานเกือบร้อยปี ตั้งแต่ปี 1930 ก่อนก่อตั้งรัฐอิสราเอลในปี 1948 และที่น่าสนใจเพราะเป็นแหล่งสร้างรายได้มูลค่ามหาศาลของประเทศ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมส่งออกชั้นนำของอิสราเอล โดยมี Israel Diamond Exchange เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของโลก
อิสราเอล ได้ฉายาว่า “พ่อค้าเพชรของโลก” เป็นประเทศหนึ่งในห้าประเทศที่ส่งออกเพชรมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย, สหรัฐอเมริกา, ฮ่องกง, เบลเยี่ยม และอิสราเอล ซึ่งไม่น่าแปลกใจกับ อินเดีย สหรัฐอเมริกา เพราะอินเดียและสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก และมีทรัพยากรมากมาย เบลเยี่ยมก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการค้าเพชรมายาวนานในประวัติศาสตร์ ส่วนฮ่องกงนั้นทุกคนรู้ว่าเป็นตัวแทนการซื้อขายของประเทศจีน และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ แต่สำหรับอิสราเอลแล้ว “อิสราเอล”เป็นเพียงประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีแม้แต่เหมืองขุดเพชร แต่ทำไม ประเทศนี้ถึงสามารถส่งออกเพชรได้มากเป็นอันดับที่ 5 ของโลกได้ เพราะข้อได้เปรียบ 5 จุดเด่น ที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีอิสราเอลสู่เวทีโลก ได้แก่
1) เทคโนโลยีการตัดและเจียระไนเพชรที่ล้ำสมัย ตั้งแต่ปี 1988 อิสราเอลได้คิดค้นการใช้เครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Sarin Technology เพื่อประเมินว่าจะตัดเพชรดิบอย่างไรให้ปราศจากตำหนิหรือมีตำหนิน้อยที่สุด สามารถคัดเกรดและสีของเพชร วัดและเจียระไนเพชร ตลอดจนพิมพ์ชื่อหรือข้อความลงบนเพชร เทคโนโลยีนี้ใช้กันแพร่หลายในหมู่ผู้ค้าเพชรอิสราเอลและในต่างประเทศ ทำให้เพชรแต่ละเม็ดมีความงดงามและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดี
2) ความชำนาญในการเจียระไนเพชร อิสราเอลมีชื่อเสียงด้านการเจียระไนเพชรมานาน มีโรงงานเพชรและอัญมณีในอิสราเอลถึง 150-200 แห่ง และแม้ว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าอย่างอินเดียและจีน แต่อิสราเอลยังคงการเป็นฐานผลิตงานที่ซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีสูง ฝีมือในการตัด ขัด เจียระไน ผสมกับนวัตกรรมของเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้อิสราเอลสามารถเจียระไนเพชรได้หลากหลายขนาดและรูปทรง ตั้งแต่เม็ดเล็กจนถึงเม็ดใหญ่ และไม่ว่าจะเป็นเพชรเม็ดกลม ทรงหยดน้ำ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Princess Cut) หรือสี่เหลี่ยมมรกต (Emerald Cut) ตรงใจตามความต้องการของลูกค้า
3) Israel Diamond Exchange ตลาดกลางค้าเพชร ที่เมือง Ramat Gan เขตเทลอาวีฟได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้า การประมูล และการแลกเปลี่ยนเพชรที่สำคัญของโลก นอกจากนี้ ยังมีตลาดกลางของพลอย (Israel Precious Stones & Diamond Exchange หรือ IPDSE) ตั้งอยู่ที่เดียวกับตลาดกลางค้าเพชรด้วย สำหรับงานแสดงอุตสาหกรรมอัญมณีของอิสราเอล จะมีงาน Jovella ซึ่งจะจัดปีละ 1 ครั้ง ช่วงกลางปีในเดือนกรกฎาคม ให้สาธารณชนทั้งในและต่างประเทศได้มีโอกาสชมผลงานการออกแบบเครื่องประดับและแนวโน้มเครื่องประดับทั้งเพชร พลอย เครื่องประดับเงินและเครื่องประดับแฟชั่น แต่หลังจาก Covid-19 การจัดงาน Jovella ได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
4) การยกเว้นภาษีส่งออกและภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจากอิสราเอลได้รับยกเว้นภาษีส่งออกและภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจะต้องให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้า จำนวน และวัตถุดิบที่ใช้ และต้องระบุปริมาณและจำนวนกะรัตเพื่อการตรวจสอบและการเก็บสถิติที่ถูกต้อง ผู้ส่งออกยังสามารถส่งออกโดยใช้บริการการส่งสินค้าและบรรจุภัณฑ์ของกรมศุลกากรหรือไปรษณีย์อิสราเอลที่มีไว้พร้อมให้บริการ
5) การสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมเพชรและอัญมณีอย่างครบวงจรโดยภาครัฐและองค์กรท้องถิ่น อิสราเอลยังได้จัดตั้ง Israel Diamond Institute (IDI) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรขึ้น เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลอย่างครอบคลุมทั้งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการส่งเสริมการตลาด การฝึกอบรมวิชาชีพ มีรัฐบาลถือหุ้นร้อยละ 25 ขณะที่คณะกรรมการบริหาร IDI ประกอบด้วยผู้แทนจากสมาคมผู้เจียระไนเพชรแห่งอิสราเอล IDE สหภาพแรงงาน และธนาคารที่เกี่ยวข้อง IDI มีสาขาที่นิวยอร์กและฮ่องกง ทำให้อุตสาหกรรมเพชรและอัญมณีในอิสราเอลประสบความสำเร็จด้วยศักยภาพของผู้ประกอบการบวกกับการส่งเสริมจากภาครัฐและหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลสถิติอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล
ในภาพรวม อิสราเอลนำเข้าเพชรดิบที่ยังไม่ได้เจียระไน (rough diamonds) เป็นมูลค่าประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของการผลิตเพชรดิบทั้งหมดของโลก
มูลค่าการส่งออกเพชรของอิสราเอลอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยในจำนวนนี้ประมาณ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นเพชรที่ผ่านการเจียระไนแล้ว ตลาดส่งออกหลักของอิสราเอลคือ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และยุโรป
นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศชั้นนำแล้ว อิสราเอลยังเป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชรที่สำคัญอีกด้วย เพชรเจียระไนส่วนใหญ่ที่ส่งออกไปต่างประเทศ (ประมาณ 40% ) ผ่าน การเจียระไนในอิสราเอล ส่วนที่เหลือถูกส่งไปยังศูนย์การเจียระไนในต่างประเทศ (โดยทั่วไปคือโรงงานที่เป็นของพ่อค้าเพชรของอิสราเอลและ/หรือสถานประกอบการที่ทำงานร่วมกับบริษัท เพชร ของอิสราเอล )
จากความพยายามที่ผ่านมาหลายปีทำให้อิสราเอลได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางเพชรของโลก “World Diamond Center” ในปี 1905 มีการจัดประชุม Zionist Congress และเป็นก้าวแรกของอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลโดยมีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในการฟื้นฟูผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่หลั่งไหลเข้ามาในอิสราเอลจากเบลเยียมและฮอลแลนด์ แม้ว่าการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเพชรในอิสราเอลในอีก 30 ปีต่อมา ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก นับตั้งแต่ปี 1936 หลังจากที่รัฐบาลอาณัติของอังกฤษยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าเพชรไปยังอิสราเอล อุตสาหกรรมเพชรในอิสราเอลเริ่มตื่นตัวและพัฒนา โดยในปี 1937 โรงงานเจียระไนเพชรแห่งแรกก่อตั้งขึ้นในอิสราเอล และไม่นานก่อนที่สาขาเพชรจะกลายเป็นหนึ่งในภาคส่วนชั้นนำของเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างชื่อเสียงในเศรษฐกิจโลกและกลายเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเพชรในอิสราเอล
2. Israel Diamond Exchange (IDE) ศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนเพชร
2.1 ประวัติความเป็นมาในการจัดตั้ง
การปรากฎตัวครั้งแรกอย่างเด่นชัดของอิสราเอลในอุตสาหกรรมระดับโลกคือในปี 1956 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อิสราเอลได้รับเลือกให้เป็นสถานที่สำหรับการประชุมนานาชาติของ World Federation of Diamond Bourses (WFDB) ตั้งแต่นั้นมา Israel Diamond Exchange ได้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมเพชรโลก และยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักในอุตสาหกรรมเพชรระดับโลกและในสหพันธ์เพชรโลก โดยประธาน Diamond Exchange มักจะดำรงตำแหน่งสำคัญในสหพันธ์ รวมถึงตำแหน่งประธาน ของ WFDB
ในปี 1960 เมือง Ramat Gan ได้รับเลือกให้เป็นสำนักงานถาวรและเป็นทางการของ Israel Diamond Exchange และในปี 1968 ได้มีการเปิดตัวอาคารแห่งแรก (Shimshon) ในเมือง Ramat Gan โดยมีพื้นที่สำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ประมาณ 15,000 ตารางเมตร
การก่อตั้ง Israel Diamond Exchange ใน Ramat Gan เป็นการบุกเบิกอย่างเป็นประวัติการณ์ นับเป็นการเติมเต็มวิสัยทัศน์ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นแนวคิดใหม่โดยบริษัทค้าขายแลกเปลี่ยนเพชร นั่นคือ การก่อสร้างคอมเพล็กซ์ที่ให้บริการทั้งหมดภายใต้หลังคาเดียวกัน ส่วนอาคารอีกสองหลัง (อาคาร Maccabi และอาคาร Diamond Tower) ซึ่งเป็นเจ้าของและดำเนินการโดยผู้อำนวยการของ Diamond Exchange Enterprises ได้ถูกเพิ่มขึ้นมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของ Exchange Complex อาคารเหล่านี้เชื่อมต่อกันด้วยสะพานภายในและรวมกันเป็นเขตซื้อขายเพชรที่ปิดและปลอดภัย ซึ่งเป็น คอมเพล็กซ์ที่ถือว่าใหญ่และปลอดภัยที่สุดในโลก ต่อมา อาคาร Noam (ภายใต้กรรมสิทธิ์และการจัดการแยกต่างหาก) เชื่อมต่อกับคอมเพล็กซ์โดยใช้สะพานปิดภายนอก
คอมเพล็กซ์ของอาคาร Diamond Exchange ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 80,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทค้าเพชรประมาณ 1,050 แห่ง โดยที่หัวใจของการออกแบบเพื่อให้บริการที่ไม่เหมือนใครในแนวคิด “ทุกอย่างอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน” บริษัทผู้ให้บริการหลายแห่งมีสำนักงานอยู่ที่อาคาร Diamond Exchange ซึ่งให้บริการที่จำเป็นแก่อุตสาหกรรมในการดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์และธุรกิจ ซึ่งรวมถึงบริษัทขนส่ง สาขาของธนาคารพาณิชย์ ที่ทำการไปรษณีย์ บริษัทประกันภัย และสำนักงานของ Diamond Controller หน่วยงานภาครัฐซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมการค้าและแรงงานอิสราเอล ตลอดจนสำนักงานศุลกากร
2.2 การซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ค้าเพชรพลอย

ภายในอาคาร IDE มีการจัด Hall ที่เรียกว่า Diamond week สำหรับผู้ซื้อและผู้ขายที่จะมาพบปะเจรจาต่อรองซึ่งในการซื้อขายแลกเปลี่ยนมีเพชรทุกประเภท ในทุกขนาด ทุกรูปทรง และคุณภาพ ที่สามารถซื้อได้ในอิสราเอล เพชรขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทรงกลมและการเจียระไนแบบแฟนซี การเจียระไนแบบพิเศษที่คิดค้นโดยชาวอิสราเอลและเพชรอื่นๆ เพชรขาวทุกเกรดและเพชรสีธรรมชาติในทุกเฉดสี ความสามารถในการรับประกันสินค้าทุกประเภททำให้อิสราเอลเป็นซัพพลายเออร์ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับการค้าอัญมณี ส่วนการซื้อขายอัญมณีพลอยสีต่างๆ จะแยกสัดส่วนออกมาอีก Hall ต่างหากจากกลุ่มผู้ค้าเพชร
Mazal U’Bracha (มาซาล อุบราชา) เป็นวลีฮิตของสมาชิก พวกเขาปรารถนาให้การซื้อขายเพชรทั่วโลกจบลงด้วยการจับมือกันและคำภาษาฮีบรู 2 คำ ” mazal” u’bracha” (ขอข้อตกลงด้วยโชคและพร) นี่เป็นรหัสที่ยอมรับกันในหมู่ผู้ค้าเพชร ไม่ว่าจะเป็นในอิสราเอล สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และแม้แต่ประเทศอาหรับ
ตัวแทนของบริษัทเหมืองเพชรชั้นนำ ตลอดจนบริษัทระดับแนวหน้าในการค้าเพชรดิบตั้งประจำการอยู่ในคอมเพล็กซ์ IDE นอกจากนี้ คอมเพล็กซ์ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำระดับนานาชาติที่ผลิตและซื้อขายเพชรและเจียระไน และเสนอบริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าเพชรระหว่างประเทศ
2.3 ความสะดวกสบายทั้งหมดภายใต้หลังคาเดียวกัน “All Under One Roof”
Israel Diamond Exchange (IDE) ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์เพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1937 และมีสมาชิกประมาณ 3,000 ราย ที่เป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้าและส่งออกที่ทำการตลาดเพชรดิบและเพชรเจียระไน โดย IDE ได้สร้างและวางกรอบการดำเนินงานทางธุรกิจสำหรับสมาชิก ทำให้ทั้งสมาชิกและผู้เยี่ยมชมสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวกและปลอดภัยสูงสุด ทั้งในห้องซื้อขายและภายในขอบเขตของสำนักงานส่วนตัว
Israel Diamond Exchange ดำเนินการภายใต้แนวคิดที่ไม่เหมือนใครคือ “รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว” ประกอบด้วยอาคารสูงระฟ้าสี่หลังที่เชื่อมต่อกันซึ่งก่อตัวเป็นป้อมปราการที่แทบจะทะลุผ่านไม่ได้ เชื่อมต่อภายในด้วยสะพานคนเดิน ได้รับการปกป้องด้วยระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากพื้นที่ซื้อขายเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว IDE ยังมีสำนักงานส่วนตัวมากกว่า 1,200 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 90,000 ตร.ม. โดยมีผู้คนประมาณ 15,000 คนในแต่ละวันผ่านคอมเพล็กซ์
Israel Diamond Exchange เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีห้องโถงเชิงพาณิชย์สองแห่ง (สำหรับเพชรเจียระไนและเพชรดิบ) ซึ่งรองรับแผนกเทคโนโลยีขั้นสูงและซับซ้อนที่มีอุปกรณ์ล้ำสมัยสำหรับการตรวจสอบเพชร พื้นที่ซื้อขายเพชรขนาดใหญ่ของ IDE ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตร.ม. เปิดดำเนินการทุกวันในการตกลงเจรจาซื้อขายเพชรหลายร้อยเม็ดซึ่งทำให้ในห้องโถงซื้อขายที่มีชีวิตชีวาเมื่อมีการเจรจากับผู้ซื้อจากต่างประเทศจำนวนมากที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อซื้อเพชรของพวกเขาในอิสราเอล

ห้องโถงการค้าติดตั้งเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ระบบสื่อสารขั้นสูง ระบบคอมพิวเตอร์ และบริการอินเทอร์เน็ต ตลอดจนบริการชั่งน้ำหนักเพชรอย่างเป็นทางการ ทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์จากศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ห้องโถงซื้อขายของ IDE ได้รับการตกแต่งด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัย – ระบบสื่อสารที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และบริการชั่งน้ำหนักเพชรอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในห้องโถงการค้าเป็นพื้นที่เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยสำหรับการตรวจสอบเพชร รวมถึงเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์เพชรดิบและการสร้างตราสินค้าด้วยเลเซอร์ เครื่องถ่ายเอกสารเพชร เครื่องมือสำหรับการกรองสี กล้องจุลทรรศน์ ฯลฯ
ในกลุ่มอาคารนี้ สมาชิกและผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าถึงบริการครบวงจรภายในคอมเพล็กซ์ ตั้งแต่บริการทางธุรกิจที่จำเป็น เช่น ตัวแทนขนส่ง ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย สำนักงานควบคุมเพชรของรัฐบาล สำนักงานศุลกากร ที่ทำการไปรษณีย์ ห้องปฏิบัติการด้านอัญมณี ไปจนถึงความสะดวกสบาย เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า เลานจ์ โรงยิม ห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) โบสถ์ยิว สถานที่สำหรับการศึกษาโทราห์ (Beit Midrash) และอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องออกจากคอมเพล็กซ์ที่มีการรักษาความปลอดภัย
Israel Diamond Exchange ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของสมาชิก กำหนดนโยบายเกี่ยวกับกฎการค้าและการปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสมาชิก หนึ่งในหน้าที่หลักคือการดำเนินงานระบบอนุญาโตตุลาการสำหรับสมาชิก
2.4 IDE ในเวทีระหว่างประเทศ
องค์กรระหว่างประเทศทั้งหมด ได้แก่ World Federation of Diamond Bourses (การรวมตัวของ Bourses จาก 5 ทวีป), International Diamond Manufacturers’ Association, the World Diamond สภาและกระบวนการ Kimberley IDE เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการรวมและดำเนินการ Kimberley Process ซึ่งเป็นกระบวนการระหว่างประเทศในการป้องกันการค้าเพชรที่มีความขัดแย้ง (Conflict Diamond) ภายใต้การอุปถัมภ์ของ UN โดยมีรัฐมากกว่า 70 รัฐที่เข้าร่วมเช่นเดียวกับองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ อิสราเอลเป็นประธานของ Kimberley Process ในปี 2010
2.5 สวรรค์สำหรับผู้ซื้อเพชร
การไปเยี่ยมชม Gallery ภายใน Israel Diamond Exchange ก็เหมือนกับการไปช้อปปิ้งซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีร้านค้าหลายร้านมาตั้งบูธจำหน่าย เครื่องประดับเพชรพลอยในแบบต่างๆที่สวยงาม ทั้งสร้อย กำไล แหวนและต่างหู เป็นต้น

3. สถานการณ์ธุรกิจอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลในปัจจุบัน
นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐอิสราเอล อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจุบันเพชรเจียระไนเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกชั้นนำของอิสราเอลทำให้อิสราเอลเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกเพชรเจียระไนรายใหญ่ที่สุดของโลก และอิสราเอลยังเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรดิบที่สำคัญของโลกเช่นกัน ประมาณหนึ่งในสามของการผลิตเพชรดิบทั่วโลกถูกนำเข้าไปยัง Israel Diamond Exchange ในแต่ละปี ซึ่งเป็นจุดที่บริษัทหาทางเข้าสู่ตลาดโลก
3.1. อิสราเอลเป็นประเทศผู้ส่งออกเพชรที่โดดเด่น
อิสราเอลเป็นซัพพลายเออร์เพชรเจียระไนแถวหน้าในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตลาดการซื้อเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 50% ของเพชรที่ซื้อในสหรัฐอเมริกาในรูปสกุลเงินดอลลาร์มาจากอิสราเอล
และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง จีน และอินเดีย อิสราเอลจึงกลายเป็นแหล่งสำคัญในการจัดหาของตลาดเหล่านี้อย่างมากเช่นกัน
3.2 อุตสาหกรรมเพชรมีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจของอิสราเอล
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลทำเงินประมาณ 800 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับดุลการชำระเงินของอิสราเอล มากกว่า 20,000 ครอบครัวหาเลี้ยงชีพโดยตรงผ่านอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมและผู้ซื้อชาวต่างชาติประมาณ 330,000 คนเยี่ยมชมคอมเพล็กซ์ทุกปี
นอกเหนือจากการจ้างงานโดยตรง 20,000 คนแล้ว อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลยังมีส่วนช่วยทางอ้อมในสาขาอื่นๆ ของเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว การธนาคาร การบิน การสื่อสาร และความปลอดภัย และมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างโอกาสการจ้างงานอื่นๆ อีกมากมาย
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจของ “Ramat- Gan City” ศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญและมีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งในอิสราเอลถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ คอมเพล็กซ์เพชร
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลทำงานอย่างใกล้ชิดกับเทศบาลในกิจกรรมต่างๆ มากมายที่มุ่งพัฒนาเมืองและส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชน ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมนี้มีประวัติความร่วมมืออันยาวนานกับ วิทยาลัยวิศวกรรมและการออกแบบ Shenkar เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ศิลปะ การออกแบบ และการศึกษาระดับอุดมศึกษาในเมือง
3.3 จากอุตสาหกรรมขนาดเล็กสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่
อุตสาหกรรมเพชรเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชาวยิวในยุโรปมาโดยตลอด ในยุคกลาง ข้อห้ามทางกฎหมายจำกัดชาวยิวไว้เฉพาะบาง อาชีพ และนี่คือ สาขา ที่ปลอดการค้าและข้อจำกัดของกิลด์ นอกจากนี้ เส้นทางการค้าเพชรยังสอดคล้องกับการเชื่อมโยงระหว่างศูนย์กลางของชาวยิวในพลัดถิ่น ดังนั้นการค้าจึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจของชาวยิว ด้วยเหตุผลนี้และเหตุผลอื่นๆ การค้าเพชรจึงกลายเป็นอาชีพยอดนิยมในหมู่ชาวยิว และหลายคนได้รับความเป็นมืออาชีพและความรู้ที่กว้างขวางในสาขานี้
อุตสาหกรรมของอิสราเอลเริ่มต้นขึ้นในทศวรรษที่ 1930 โดยผู้อพยพที่กล้าได้กล้าเสียซึ่งนำการค้าที่พวกเขาได้เรียนรู้ในเบลเยียม ในปี 1940 มีโรงงานจำนวนหนึ่งเปิดดำเนินการใน Netanya และ Tel Aviv และในปี 1937 ได้มีการก่อตั้ง “Israel Diamond Exchange” ภายใต้ชื่อ “Palestine Diamond Club” สโมสรไดมอนด์พบกันครั้งแรกในห้องในบ้านส่วนตัวและต่อมาย้ายไปที่ร้านกาแฟในเทลอาวีฟ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อศูนย์กลางดั้งเดิมของยุโรปตกอยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมัน อิสราเอลจึงกลายเป็นแหล่งหลักสำหรับเพชรเจียระไน ด้วยการก่อตั้งรัฐอิสราเอลในปี พ.ศ. 2491 ทำให้มีผู้อพยพจำนวนมากเข้ามาใหม่ซึ่งถูกเกณฑ์ไปทำงานในอุตสาหกรรมเพชรที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น เทคนิคการผลิตที่พัฒนาขึ้นในท้องถิ่นทำให้สามารถฝึกอบรมพนักงานได้ภายในไม่กี่เดือน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยังคงเติบโต เนื่องจากคนงานเพชรได้ก่อตั้งธุรกิจการผลิตและการค้าของตนเอง การส่งออกขยายตัวไปยังสหรัฐอเมริกา ตะวันออกไกล และยุโรป อิสราเอลมีหน้าที่รับผิดชอบในการแนะนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่วนใหญ่ให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงเลเซอร์ การขัด และเจียรนัยอัตโนมัติ และระบบการตัดสินใจด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันพบได้ในโรงงานผลิตเพชรทั่วโลก
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลเป็นหนึ่งในศูนย์เพชรที่สำคัญและใหญ่ที่สุดทั่วโลก นอกจากสถานะของศูนย์การเจียระไนเพชรชั้นนำแล้ว อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลยังได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเพชรดิบและเพชรเจียระไนจะผ่านเข้าออก เป็นประจำ และต่อมาก็ประดับเครื่องประดับเพชรจำนวนมากที่จำหน่ายทั่วโลก
อุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลมีพื้นฐานมาจากประเพณีที่ย้อนกลับไปหลายร้อยปี มีความภาคภูมิใจในทักษะความสามารถ ความมีไหวพริบ และความเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อนและเทคโนโลยีล้ำสมัย ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณที่เข้มงวดและนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายแก่ผู้ซื้อทั้งหมดภายใต้หลังคาเดียวกัน
สหพันธ์แรงงานทั่วไป – Histadrut – ยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงงานเพชรและโรงงานขัดเงา
มาตรฐานทางเทคโนโลยีระดับสูงของอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล กำลังคนที่มีทักษะและการฝึกอบรม ตลอดจนการรวมตัวกันของรุ่นที่สองและสามในอุตสาหกรรมนี้ ช่วยรักษาสถานะในฐานะผู้นำระดับนานาชาติแม้ในช่วงภาวะถดถอยของโลก
3.4 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ในบรรดาหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานในอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอล ได้แก่ Israel Diamond Institute Group (IDI) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมทั่วโลก IDI Group พร้อมด้วยบริษัทสาขาและหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาขอบฟ้าใหม่และวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยวางตำแหน่งอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลในตำแหน่งที่เหมาะสมในแนวหน้าของอุตสาหกรรมโลกและการวิจัยทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ผู้ถือหุ้นของ IDI ได้แก่ รัฐบาลอิสราเอล Israeli Diamond Exchange สมาคมผู้ผลิตเพชรของอิสราเอล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมอื่นๆ รัฐบาลอิสราเอลยังมีบทบาทในอุตสาหกรรมเพชรของอิสราเอลผ่าน Diamond Controller ภายในกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งกำกับดูแลการนำเข้าและส่งออกเพชรในอิสราเอล
กิจกรรมของ IDI Group ดำเนินการผ่านสำนักงานในอิสราเอล รวมถึง Israel Diamond Technology Center Israel Diamond Institute (IDI) Group มีบทบาทนำในการส่งเสริมการค้าเพชรที่โปร่งใส ยุติธรรม และมีจริยธรรมทั่วโลก ประธาน IDI คุณ Yoram Dvash เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ WDC และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการบริหารของ CIBJO คุณ Aviel Elia กรรมการผู้จัดการของ IDI เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ CIBJO และเป็นสมาชิกของหน่วยงาน Kimberley Process
IDE เป็นตัวแทนของพ่อค้าเพชรของอิสราเอล และสมาคมผู้ผลิตเพชรของอิสราเอล (Israel Diamond Manufacturers Association) ซึ่งรวมเอาผู้ผลิตเพชรของอิสราเอลเข้าด้วยกัน ดำเนินการในรูปแบบต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาปรับปรุงการค้าเพชรของอิสราเอลกับหน่วยงานของรัฐและองค์กร ระหว่างประเทศ
3.5 ศูนย์กลางเพชรของโลกที่ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี
อิสราเอลเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเพชรชั้นนำของโลก The Hub of the Diamond World ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตเพชรเจียระไน บริษัทเพชรของอิสราเอลทำการประมวลผลอัญมณีคุณภาพระดับโลกจำนวนมากในรูปเงินดอลลาร์เพื่อจัดหาหินสำหรับประดับเครื่องประดับเพชรจำนวนมหาศาลที่จำหน่ายทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในโลก ที่มีความรู้ความชำนาญและเชี่ยวชาญติดตั้งเทคโนโลยีการแปรรูปเพชรที่ซับซ้อน ซึ่งหลายโรงงานพัฒนาขึ้นในประเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอิสราเอล เช่น เลเซอร์สำหรับการเจียระไนเพชร เครื่องเจียระไน เครื่องขัดเงาอัตโนมัติ และระบบการออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเพชรทั่วโลกในปัจจุบันโดยช่างฝีมือมากประสบการณ์ของอิสราเอลอาศัยความรู้ความชำนาญอันเชี่ยวชาญของพวกเขามีค่ามากในการขัดหินขนาดใหญ่ทำให้มีราคาแพงกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่โรงงานผลิตเพชรในอิสราเอลเชี่ยวชาญในการเจียระไนเพชรขนาดใหญ่และขนาดกลาง ในทุกรูปทรงและการเจียระไน ในทศวรรษที่ผ่านมา ช่างเพชร ชาวอิสราเอล ได้ใช้ความสามารถและความเฉลียวฉลาดในการแนะนำการเจียระไนแบบใหม่ๆ มากมายสู่ตลาด
นอกจากนี้ อิสราเอลยังได้ขยายความสามารถในการผลิตไปยังประเทศต่างๆ เช่น ในอินเดีย จีน แอฟริกา เพชรส่วนใหญ่ที่แปรรูปในต่างประเทศเป็นเพชรเม็ดเล็ก พวกมันถูกนำกลับเข้ามาในอิสราเอลเพื่อคัดเกรดและคัดแยก และสุดท้ายก็ส่งออกโดยบริษัทของอิสราเอลไปยังตลาดในอเมริกาเหนือ เอเชีย ยุโรป และประเทศอื่นๆ
4. การส่งเสริมพัฒนาการค้าอัญมณีระหว่างไทยและอิสราเอล
สินค้าที่ไทยนำเข้าจากอิสราเอล คือ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ อยู่ที่ 5,081 ล้านบาท ในปี 2565 สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังอิสราเอล คือ อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 2,854 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่าการนำเข้า ประมาณ 2,227 ล้านบาท เนื่องจากเพชรที่ไทยนำเข้ามีราคาสูงมากกว่าพลอยสี เช่น ทัมทิม มรกต แซฟไฟร์ (sapphire) เป็นต้น ที่ประเทศไทยส่งออกไปยังอิสราเอล
ในการพบปะหารือกับ นาย Shlomo Eshed ประธาน The Israel Precious Stones & Diamonds Exchange และเจ้าของบริษัท Gemerald Ltd. สรุปได้ ดังต่อไปนี้
1) สถานการณ์การค้าในอุตสาหกรรมเพชรในช่วงเวลาปัจจุบันนี้มีแนวโน้มชะลอตัวตั้งแต่หลังจากวิกฤต Covid-19 มูลค่าการซื้อขายลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของอิสราเอลที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนจะพยายามประหยัดเงินและใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นมากกว่าเพชรพลอยเครื่องประดับและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกประการหนึ่ง เพชรสังเคราะห์ (Lab-grown diamond) ส่งผลลบต่อเพชรจริงเพราะเพชรเทียมมีราคาถูกกว่า
2) ปริมาณการผลิตเพชรและพลอยสีจากทั่วโลกลดลงเนื่องจากกระบวนการเหมืองขุดเพชรพลอยที่ยุ่งยากและแหล่งทรัพยากรลดลง
3) สงครามรัสเซียยูเครนทำให้รัสเซียที่เป็นผู้ส่งออกเพชรมากที่สุดในโลกประสบปัญหาในธุรกิจการส่งออกเพชร
4) อิสราเอลและไทย ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก Kimberry Process องค์กรนานาชาติที่ออกมาตรการที่ควบคุมไม่ให้ค้าขายเพชรที่ผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่า Conflict Diamond ด้วยระบบการออกหนังสือรับรองว่าเพชรที่ค้าขายกันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Conflict Diamond นอกจากนี้ อิสราเอลจะไม่ค้าขายเพชรพลอยที่ผิดกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น แรงงานผิดกฎหมาย
5) ผู้ประกอบการเพชรพลอยอัญมณีของอิสราเอลมีประสบการณ์ที่ยาวนานหลายปีในการค้าขายกับผู้ประกอบไทย และมีผู้ประกอบการอิสราเอลหลายรายที่เปิดร้านค้าในประเทศไทย
นอกจากนี้ สคต. ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เชิญผู้ประกอบธุรกิจเพชรใน IDE เข้าร่วมชมงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair 2023 และยินดีร่วมมือกับ IDE ในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมเพชรพลอยระหว่างไทยอิสราเอล การสร้างเครือข่ายธุรกิจและช่วยกันลดและแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าอัญมณีที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้การนำเข้าส่งออกอัญมณียังคงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งได้ต่อไป
———————————————————————–
สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ
29 มิถุนายน 2566
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ www.moc.go.th
web.archive.org/
www.thansettakij.com/columnist/60380
www.longtunman.com/27236
en.israelidiamond.co.il/about-the-israeli-diamond-industry/
th.israelidiamond.co.il/israeli-diamond-industry/

Disclaimer :ข้อมูลต่างๆที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ จะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดใดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดและโดยทางใด

Login