จากผลสำรวจของบริษัทด้านการบริหารจัดการจากสหรัฐอเมริกา Boston Consulting Group พบว่า ผู้บริโภคเยอรมันมีความคิดในแง่ลบเมื่อเทียบกับประเทศที่ถูกสำรวจประเทศอื่น ๆ ประเทศที่คล้ายกัน ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
จากการสำรวจผู้บริโภค 9,200 คน จาก 9 ประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ในประเทศเยอรมนี โดยพบว่า 63% ของผู้ทำแบบสอบถามจำนวน 1,000 คน มองความขัดแย้งด้านการเมืองภายในประเทศเป็นสาเหตุที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงในอนาคต ด้วยสาเหตุนี้ ผู้บริโภคจึงเลือกซื้อสินค้าโดยให้ความสำคัญด้านความจำเป็น และมากกว่าหนึ่งในสามคาดการณ์ว่า ตนจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในช่วงหกเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายอุปโภคและบริโภคสำหรับชีวิตประจำวันและค่าเช่าที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ผู้บริโภคในเยอรมนีระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าใน หมวดอื่น ๆ มากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
หมวดหมู่สินค้าที่คาดว่าจะมีรายได้ลดลง ได้แก่ อาหารพร้อมรับประทาน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์สำหรับใช้ในบ้าน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขนมขบเคี้ยว นอกจากนี้ ผู้สำรวจยังให้ข้อมูลว่า ผู้บริโภคในเยอรมนีหันมาใช้จ่ายอย่างรอบคอบและคำนึงถึงความคุ้มค่ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยสินค้าที่ถือว่าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตยังคงขายได้ต่อเนื่อง ขณะที่สินค้าประเภทอื่นอีกจำนวนมากกำลังเผชิญแรงกดดัน
ผลการศึกษาชี้ 59 % ของผู้บริโภคเยอรมันเปิดใจทดลองสิ่งใหม่ อย่างไรก็ตาม 84% ยังคงเลือกซื้อสินค้าที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้คนภายในประเทศ เช่น ความไม่มั่นคงทางสังคม การมองโลกในแง่ลบ รวมถึงการให้ความสำคัญด้านราคา และความต้องการด้านความมั่นคง
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งด้านการทำงานและชีวิตประจำวัน โดยในเดือนพฤศจิกายน 2568 ชาวเยอรมนี 36% นำ AI มาเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน 26% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นอกจากนี้ ยังมีการนำ AI เพื่อช่วยในการตัดสินใจขณะจับจ่ายซื้อสินค้า โดยเฉพาะสำหรับช่วยเลือกยี่ห้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยในเดือนธันวาคม มีสัดส่วนผู้ใช้ AI เป็นผู้ช่วยระหว่างเลือกซื้อสินค้า 37% ถือเป็นจำนวนเกือบสองเท่า เมื่อเทียบ 21% ในเดือนกุมภาพันธ์
ข้อคิดเห็นเสนอแนะของสคต.
1) รายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคในเยอรมนีมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ความสมเหตุสมผลของราคา และความจำเป็นของสินค้าเป็นหลัก ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันและสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยชัดเจนยังคงได้รับความต้องการในระดับสูง ข้อมูลนี้ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายสินค้าเข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสามารถนำไปปรับกลยุทธ์ด้านสินค้า ราคา และการสื่อสารทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของตลาด
2) การพึ่งพาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นว่า ผู้จำหน่ายสินค้าไม่ควรพึ่งพาเพียงการออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือรูปลักษณ์ของสินค้าในร้านค้าได้อีกต่อไป แต่จำเป็นต้องสร้างหรือเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมองเห็นของแบรนด์ทั้งในแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงในระบบแนะนำของผู้ช่วยอัจฉริยะควบคู่กันไป นอกจากนี้ บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ Boston Consulting Group ยังแนะนำว่า องค์กรที่ต้องการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และต้องการขยายหรือรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ควรลดความซับซ้อน สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ และเชื่อมโยงประสบการณ์ที่ดึงดูดใจผู้บริโภคทั้งด้านดิจิทัลและออฟไลน์อย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง
**************************************************
ที่มา: lebensmittelpraxis.de
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ผลสำรวจพบ ผู้บริโภคในเยอรมนีมักมีมุมมองเชิงลบต่อการเลือกซื้อสินค้า
