หน้าแรกTrade insight > Dutch Design Week 2025

Dutch Design Week 2025

งานนิทรรศการงานศิลปะและการออกแบบ Dutch Design Week (DDW) เป็นนิทรรศการงานศิลปะและการออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนเหนือ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนตุลาคม บนพื้นที่จัดแสดงกว่า ๑๑๐ แห่งที่กระจายอยู่ทั่วเมือง Eindhoven ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการจัดแสดงผลงานศิลปะและผลงานการออกแบบของดีไซน์เนอร์กว่า ๒,๖๐๐ ราย มีผู้เข้าชมงานกว่า ๓๕๐,๐๐๐ รายจากทั่วโลก โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘ – ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ และเป็นการจัดครบรอบครั้งที่ ๒๕ ภายใต้ธีม “Past, Present, Possible” ที่ให้เกิดการทบทวนอดีต มองปัจจุบัน และจินตนาการถึงอนาคตของการออกแบบ นิทรรศการในปีนี้สะท้อนภาพรวมของวงการออกแบบร่วมสมัย ครอบคลุมตั้งแต่งานออกแบบเชิงนโยบายของหน่วยงานภาครัฐ โครงการสร้างสรรค์จากมหาวิทยาลัย ไปจนถึงการนำเสนอผลงานของแบรนด์สินค้า งานออกแบบทั้งระดับสากลและท้องถิ่น ภายใต้แนวทางการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และคุณภาพชีวิตของผู้คน

กรอบแนวคิดหลักที่ใช้เป็นหัวข้อสำหรับการนำเสนอผลงานในงาน Dutch Design Week 2025 ได้แก่

  • Living Environment การออกแบบพื้นที่ชีวิตให้สมดุลระหว่างคนและสิ่งแวดล้อม แนวคิดนี้มุ่งเน้นการออกแบบพื้นที่ที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนควบคู่ไปกับความยั่งยืนของโลก โดยคำนึงถึงความสมดุลของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

  • Thriving Planet การออกแบบเพื่อโลกที่ยั่งยืนและหมุนเวียนทรัพยากร แนวคิดนี้มุ่งเน้นบทบาทของการออกแบบที่ก้าวข้ามจากการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปสู่การฟื้นฟูโลกให้กลับมาสมดุล ผ่านการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นคืนทรัพยากรและระบบนิเวศ โดยส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การใช้วัสดุรีไซเคิล และการออกแบบที่เอื้อต่อการนำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การออกแบบกลายเป็นแรงขับเคลื่อนการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

  • Digital Futures การสำรวจอนาคตของเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ แนวคิดที่สะท้อนการบูรณาการระหว่างการออกแบบและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมองว่า AI, VR, Metaverse, Data Design และ 3D Printing ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทางเทคนิค แต่เป็นภาษาการออกแบบใหม่ที่เปลี่ยนวิธีคิด การรับรู้ประสบการณ์ของมนุษย์ การออกแบบในอนาคตให้ไม่จำกัดอยู่แค่รูปร่างหรือฟังก์ชันการใช้งาน แต่คือการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้คนกับระบบดิจิทัลที่รวมโลกกายภาพเข้ากับโลกของข้อมูล เพื่อเปิดมุมมองใหม่ในการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และจินตนาการ

  • Health & Well-being การออกแบบเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการออกแบบเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้คนและมุ่งเน้นการสร้างความสมดุลในชีวิตประจำวัน ผ่านผลิตภัณฑ์ วัสดุ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดี แนวคิดนี้ครอบคลุมตั้งแต่การใช้วัสดุปลอดภัยและยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและลดความเครียด การประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างชาญฉลาด ไปจนถึงการออกแบบเชิงนโยบายที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว สะท้อนบทบาทของดีไซน์ในฐานะเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับสุขภาวะของมนุษย์ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม

  • Equal Societyการออกแบบที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม โดยไม่จำกัดเพศ อายุ ความสามารถ หรือภูมิหลังทางสังคม แนวคิดนี้ผลักดันการออกแบบแบบ Inclusive Design และ Social Design ที่ใช้การออกแบบเป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานและมีส่วนร่วมได้จริง

ประเด็นที่น่าสนใจในงาน Dutch Design Week 2025  ได้แก่

  • การเลือกใช้วัสดุใหม่เพื่อการทดแทน แนวคิด Material Substitution หรือวัสดุใหม่เพื่อทดแทนเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายระดับชาติของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาวิธีการใช้วัตถุดิบ (Raw Materials) และผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2050 มุ่งลดการพึ่งพาวัสดุปิโตรเคมีและหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุดั้งเดิม (Origin Material) แนวคิดนี้ส่งเสริมการพัฒนาวัสดุทางเลือกจากชีวภาพ (Bio-based Materials) วัสดุรีไซเคิล (Recycling Materials) และวัสดุท้องถิ่นที่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความยั่งยืนในห่วงโซ่การผลิต

  • การพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printing มาเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยในปีนี้มีการประยุกต์ใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งวัสดุรีไซเคิล วัสดุชีวภาพ และวัสดุท้องถิ่น เพื่อสร้างสรรค์ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในรูปแบบ made-to-order ที่ตอบโจทย์ทั้งความยั่งยืนและความเฉพาะตัวของผู้ใช้ อีกทั้งยังมีการต่อยอดสู่การพิมพ์คอนกรีตสามมิติในงานสถาปัตยกรรม ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัสดุที่ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีนี้กำลังเปลี่ยนจากฐานปิโตรเคมีไปสู่ทรัพยากรทดแทน เช่น PLA หรือเศษไม้ สะท้อนแนวโน้ม Material Substitution ที่มุ่งสู่การออกแบบอย่างยั่งยืนในอนาคต

  • การออกแบบโดยใช้ระบบ Modular เป็นแนวทางที่มุ่งสร้างทั้งความยืดหยุ่นและความยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ โดยออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามพื้นที่หรือการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ ทำให้สินค้าหนึ่งชิ้นสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นและลดการเกิดของเสีย รวมถึงการพัฒนาโมดูลที่สามารถเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ (Replaceable Modules) เพื่อยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบชิ้นส่วนมาตรฐาน (Standardized Modules) ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเองได้ เช่น เลือกสี รูปทรง หรือเพิ่มฟังก์ชันใหม่ตามความต้องการ อีกทั้งการออกแบบให้โมดูลเป็นชิ้นส่วนที่ถอดประกอบได้ง่าย ยังช่วยลดภาระเรื่องการขนส่งและการปล่อย Carbon Footprint

  • การพัฒนาพลังงานสะอาดให้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ เป็นทิศทางสำคัญที่หลอมรวมฟังก์ชันด้านพลังงานเข้ากับความงามเชิงสุนทรียะของงานออกแบบอย่างกลมกลืน แนวคิดนี้มองพลังงานหมุนเวียนไม่ใช่แค่เทคโนโลยีประกอบ แต่คือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย

    สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก ร่วมกับ สำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสินค้านวัตกรรมจากวัสดุเหลือใช้ DEWA DEWI 2025 ในงาน Dutch Design Week (DDW) 2025 ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยการเข้าร่วมงานในรูปแบบคูหาประเทศไทย (Thailand Pavilion) ณ อาคาร Klokgebouw Hall 4 (Living Environment) ซึ่งเป็นพื้นที่แสดงผลงานที่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบเพื่อความยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงระบบ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของโครงการ DEWA & DEWI (Design from Waste of Agriculture and Industry) ที่เน้นการแปรรูปของเหลือจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการ DEWA & DEWI ส่งเสริมการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด Crafting Sustainnovation Future ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UN SDGs) และแนวทางของ EU Green Deal ที่ผสานความยั่งยืนเข้ากับนวัตกรรม เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำและใช้วัสดุหมุนเวียนได้จริง การจัดแสดงผลงานภายใน Thailand Pavilion จัดขึ้นภายใต้แนวคิด HARMONY IN CIRCLING: For a Sustainable Future ถ่ายทอดผ่านการออกแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานวัฒนธรรมเข้ากับความยั่งยืนอย่างกลมกลืน ผลงานทั้งหมดสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของสินค้ายั่งยืนไทยที่ทั้งงดงาม ใช้งานได้จริง และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้ประกอบการไทย 15 รายเข้าร่วม ได้แก่ 1. BEST WOOD 2. DEESAWAT 3. EARTHOLOGY STUDIO 4. EKKO 5. HARVBRAND 6. HEMM 7. LAMUNLAMAI 8. LOQA 9. MUSH COMPOSITES 10. NARATHONG 11. PRAPAIPUN.STYLE 12. SONITE 13. SUITCUBE 14. THAIS 15. TOUCHABLE เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการมองของเหลือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างคุณค่าใหม่และโอกาสทางการตลาดในระดับสากล

     

                                         ddw2.jpg         ddw3.jpg

 

ผลิตภัณฑ์จากโครงการ DEWA & DEWI ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าชมงาน ไม่เพียงเพราะงานออกแบบที่โดดเด่น แต่ยังเพราะเรื่องราวและแนวคิดความยั่งยืนที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบผลิตภัณฑ์ นอกจากที่ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสผลิตภัณฑ์จริงและวัสดุตั้งต้นแล้ว ยังได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมผ่านเทคโนโลยี NFC ที่เชื่อมต่อไปยังวิดีโอบอกเล่ากระบวนการผลิตและแนวคิดการออกแบบ ทำให้ผู้เข้าชมงานเข้าใจที่มาของวัสดุและเห็นถึงคุณค่าของการแปรรูปของเหลือให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชีวิตใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลา ๙ วันของการจัดแสดง มีผู้เข้าชมคูหาประเทศไทยมากกว่า ๒๒,๗๐๐ คน โดยกลุ่มผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ รวมถึงนักออกแบบ นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบการจากหลากหลายประเทศในยุโรป อาทิ เยอรมนี เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ลักเซมเบิร์ก อังกฤษ รวมถึงจากประเทศในภูมิภาคอื่นๆ อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ไทย จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย เป็นต้น ไปจนถึงผู้บริโภคทั่วไป โดยผู้เข้าชมงานให้ความสนใจเข้ามาพูดคุย สอบถาม และเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงอย่างต่อเนื่อง มีผู้นำเข้า นักออกแบบ และผู้แทนจากสถาบันการศึกษาหลายแห่งจากทั้งในเนเธอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคยุโรปแสดงความสนใจผลิตภัณฑ์ของไทย โดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการติดต่อกลับสำหรับการนัดหมายเจรจาธุรกิจและการสร้างความร่วมมือในอนาคต และยังมีผู้แสดงความสนใจที่จะนำผลงานจากโครงการ DEWA & DEWI ไปจัดแสดงในนิทรรศการด้านศิลปะและการออกแบบในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของนักออกแบบไทยบนเวทีโลก นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังมีความประทับใจเมื่อได้ทราบว่าโครงการ DEWA & DEWI ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของไทยอย่างเป็นระบบ

 

บทวิเคราะห์และความเห็น สคต. 

ภายใต้นโยบาย EU Green Deal และเป้าหมายการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำภายในปี 2050 ยุโรปกำลังผลักดันระบบเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดการใช้ Origin Material ผลิตภัณฑ์จากโครงการ DEWA & DEWI ของไทยที่เน้นการแปรรูปของเหลือจากภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมให้กลายเป็นวัสดุใหม่ จึงตอบโจทย์แนวทาง Circular Economy อย่างชัดเจน ทั้งในด้านแนวคิด การออกแบบ และการสื่อสาร ทำให้มีโอกาสสูงในการต่อยอดสู่ตลาดยุโรป แนวโน้มการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไทยสู่ตลาดยุโรปควรมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุจากชีวภาพ และผสานงานหัตถกรรมไทยอย่างร่วมสมัย ซึ่งไม่เพียงเพิ่มโอกาสทางการตลาด แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ผลิตภัณฑ์ไทยดูทันสมัยและมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก อีกทั้งการจัดแสดงให้มีบอร์ดแผงรวมวัสดุ (Material Overview) ที่แสดงตัวอย่างวัสดุทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ยังเป็นการช่วยให้ผู้เข้าชมงานเข้าใจภาพรวมของการออกแบบได้ง่ายและเห็นที่มาของวัสดุอย่างชัดเจน สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจหรือการออกแบบได้จริง เพราะนอกจากความสวยงามของการออกแบบแล้ว ผู้บริโภคในตลาดยุโรปยังให้ความสำคัญกับที่มาของวัสดุ กระบวนการผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของวัสดุ ตั้งแต่ต้นกำเนิด การแปรรูป ไปจนถึงแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบ จะช่วยสร้างคุณค่าและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งงานหัตถกรรมที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ไทยผ่านรูปแบบ วัสดุ และเทคนิคพื้นถิ่น ยังได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะแสดงถึงความสวยงามของฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยุโรปยังให้ความสนใจต่อเทคนิควัสดุและกระบวนการผลิตของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัสดุรีไซเคิลและวัสดุทดแทนไม้ ซึ่งตอบโจทย์นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนของยุโรปได้อย่างชัดเจน แนวโน้มนี้สะท้อนว่าศักยภาพของการออกแบบและวัสดุไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังสามารถต่อยอดสู่การจำหน่ายวัสดุเพื่อการนำไปผลิตต่อและการพัฒนาความร่วมมือในระดับอุตสาหกรรม ความร่วมมือดังกล่าวเปิดโอกาสให้เกิดการค้าทั้งในรูปแบบ B2B และ B2ที่ผู้ซื้อยุโรปให้ความสนใจในสินค้าจากไทยโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การผลิตร่วม การออกแบบร่วม และการขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดยุโรปในอนาคต

การเข้าร่วมงาน Dutch Design Week เป็นการช่วยยกระดับสินค้าไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลก ผ่านงานออกแบบที่ผสมผสานวัฒนธรรมกับนวัตกรรมได้อย่างกลมกลืน แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของนักออกแบบไทย งานนี้ไม่เพียงสร้างโอกาสทางการค้าแต่ยังส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย จากในปี ๒๐๒๔ ที่มีเพียงประเทศไทยและประเทศจีนเข้าร่วมงาน แต่ในปีนี้มีไต้หวันเข้าร่วมงานด้วย และสำหรับปี ๒๐๒๖ งาน Dutch Design Week จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๙ ซึ่งจะยังคงเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้นำเสนอแนวคิดใหม่และศักยภาพด้านการออกแบบต่อสายตาโลกอีกครั้ง

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก    

อ่านข่าวฉบับเต็ม : Dutch Design Week 2025

Login

ปิดโหมดสีเทา