หน้าแรกTrade insight > BPJPH ลุยสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศฮาลาล ขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาชาติของประธานาธิบดีปราโบโว

BPJPH ลุยสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศฮาลาล ขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาชาติของประธานาธิบดีปราโบโว

หน่วยงานดำเนินงานรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลอินโดนีเซีย (BPJPH) กำลังเดินหน้าเสริมสร้างระบบนิเวศฮาลาลของประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสนับสนุนวาระการพัฒนาประเทศของประธานาธิบดีปราโบโว ซูบิอันโต

 

นายอาหมัด ไฮคาล ฮาซัน หัวหน้า BPJPH กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่าการรับรองฮาลาลไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความคุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการยกระดับผลิตภาพ ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ และปรับปรุงสวัสดิภาพของชุมชนอีกด้วย

 

นี่คือผลงานที่เป็นรูปธรรมของ BPJPH ในการสนับสนุนวาระการพัฒนาที่สำคัญของชาติ นายฮาซันกล่าว

 

เขากล่าวต่อไปว่า การเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อินโดนีเซียที่ได้รับการรับรองฮาลาลจะสร้างผลทวีคูณ (Multiplier Effect) ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติ

 

เมื่อผลิตภัณฑ์อินโดนีเซียได้รับการรับรองฮาลาลมากขึ้นเท่าใด ห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจสำหรับชุมชนก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น และสวัสดิภาพของผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดย่อม (MSMEs) จะดีขึ้น นายฮาซันระบุ พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่าการรับรองฮาลาลช่วย เสริมสร้างความไว้วางใจในตลาด เปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ MSMEs เข้าถึงเครือข่ายตลาดฮาลาลทั่วโลก และในขณะเดียวกันก็ยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในประเทศไปพร้อมกัน

 

ตามความเห็นของหัวหน้า BPJPH กระบวนการนี้สอดคล้องกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีปราโบโว ซึ่งเน้นย้ำถึงการเพิ่มผลิตภาพของชาติและการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความพยายามของ BPJPH ในการขยายความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งในระดับส่วนกลางและระดับภูมิภาค เพื่อให้มั่นใจว่าบริการการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาลจะเข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว และมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยโครงการเร่งรัดการรับรองฮาลาลยังมุ่งเน้นเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างทั่วถึงแก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อยทั่วประเทศ

 

การเสริมสร้างระบบนิเวศฮาลาลไม่ใช่เป็นเพียงประเด็นด้านกฎระเบียบเท่านั้น แต่เป็นวาระสำคัญสำหรับการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ นายฮาซันย้ำ

 

ในส่วนนี้ เขากล่าวต่อว่า BPJPH จะเดินหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ผลิตทุกคน โดยเฉพาะ MSMEs จะได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการยกระดับตนเองผ่านการรับรองฮาลาล เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย BPJPH ได้จัดสรรโควตาการรับรองฮาลาลฟรีจำนวนหนึ่งล้านสิทธิ์ ในปีนี้

 

ความคิดเห็นสำนักงาน

หน่วยงาน BPJPH ของอินโดนีเซียกำลังเร่งผลักดันการพัฒนาระบบนิเวศฮาลาลของประเทศให้แข็งแกร่งและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมองว่าการรับรองฮาลาลไม่ใช่เพียงการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคมุสลิมเท่านั้น แต่ยังเป็น “เครื่องมือทางเศรษฐกิจสำคัญ” ที่สามารถขับเคลื่อนการยกระดับผลิตภาพ สร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้าอินโดนีเซีย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจอินโดนีเซียในตลาดโลก สอดคล้องกับแนวนโยบายของประธานาธิบดีปราโบโวที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มความเข้มแข็งให้ MSMEs ทั่วประเทศให้สามารถก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจฮาลาลซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคและทั่วโลก การเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฮาลาลถูกมองว่าจะเกิดผลทวีคูณต่อเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ โรงเชือด โรงงานแปรรูป ผู้ค้า ไปจนถึงโลจิสติกส์และการตลาด เมื่อธุรกิจรายย่อยสามารถเข้าสู่ระบบฮาลาลได้ง่ายขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสสู่ตลาดอินโดนีเซียที่มีประชากรมุสลิมขนาดใหญ่ รวมถึงตลาดฮาลาลต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้เพื่อลดอุปสรรค BPJPH จึงดำเนินนโยบายให้บริการฮาลาลที่เข้าถึง ง่าย รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ เช่น ระบบดิจิทัล การอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร และโปรแกรมช่วยเหลือ MSMEs นอกจากนี้ยังได้จัดสรรโควตาการรับรองฮาลาลฟรีจำนวน ล้านสิทธิ์ เพื่อเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยหวังให้จำนวนผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงการดำเนินยุทธศาสตร์ฮาลาลแห่งชาติ ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยและอินโดนีเซียได้ลงนามข้อตกลงการยอมรับร่วม (MRA) ระหว่าง BPJPH และ CICOT (สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย) ครอบคลุมหมวดอาหาร เครื่องดื่ม และโรงเชือด ซึ่งหมายความว่า หากผลิตภัณฑ์ไทยมีตรารับรองฮาลาลของ CICOT ก็สามารถยื่นขอการรับรองฮาลาลของอินโดนีเซียได้ง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลง เพราะมีการยอมรับมาตรฐานซึ่งกันและกันในระดับหนึ่ง ความร่วมมือนี้ถือเป็นประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซีย โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร เครืองดื่ม และเนื้อสัตว์ที่มีอุปสงค์สูงต่อเนื่องในประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ MRA จะช่วยลดขั้นตอนด้านฮาลาล แต่สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อโคยังมีเงื่อนไขนอกเหนือจากฮาลาลที่ไทยต้องปฏิบัติตาม เช่น มาตรฐานสุขอนามัย การควบคุมโรคสัตว์ ระบบตรวจย้อนแหล่งกำเนิด และการขึ้นทะเบียนโรงเชือดกับกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย ดังนั้น การมีตราฮาลาลไทยจึงช่วยให้กระบวนการง่ายขึ้นในด้านศาสนา แต่ไม่ได้แทนที่กระบวนการด้านสัตวแพทย์หรือกฎหมายอาหารของทั้งสองประเทศ

อ่านข่าวฉบับเต็ม : BPJPH ลุยสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศฮาลาล ขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาชาติของประธานาธิบดีปราโบโว

Login

ปิดโหมดสีเทา