หน้าแรกTrade insightอาหารแปรรูป > เทรนด์รูปแบบร้านค้าปลีกในรัสเซีย

เทรนด์รูปแบบร้านค้าปลีกในรัสเซีย

ปัจจุบันผู้บริโภคชาวรัสเซียเริ่มไม่นิยมไป ร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยเมื่อผู้บริโภคชาวรัสเซียซื้อของชำ ก็มักจะเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็กที่เดินไปถึงได้ หรือสั่งออนไลน์เพื่อจัดส่ง ส่งผลทำให้จำนวนซุปเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) และไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) ลดลง 1.4% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2568 หรือคิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 185,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2560 สัดส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตรวมกันลดลงจาก 37% เหลือ 21%

 

จำนวนร้านขายของชำที่มีรูปแบบขนาดใหญ่ (Large-format grocery stores) ในรัสเซียยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Infoline  (www.infoline.spb.ru) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2568 จำนวนซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตลดลง 1.4%  โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีร้านค้า 67 แห่ง ที่มีพื้นที่รวม 185,200 ตารางเมตร ได้ปิดตัวลง นักวิเคราะห์ของ Infoline ได้ระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ประมาณ 200 ราย ได้มีการดำเนินการ โดยมีสาขาอยู่ประมาณ 4,700 แห่งทั่วประเทศรัสเซีย

 

คุณมิคาอิล บูร์มิสโตรฟ ซีอีโอ ของ Infoline-Analytics (www.infoline.spb.ru) ระบุว่า ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอยู่ในระดับสูง การเริ่มต้นเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต กำลังกลายเป็นสิ่งที่อาจไม่ทำกำไร โดยผู้ค้าปลีกกำลังเปลี่ยนรูปแบบร้านค้าดังกล่าวเหล่านี้ไปเป็นรูปแบบอื่นๆ  โดยรูปแบบร้านค้าที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้ค้าปลีก เช่น ร้านค้าปลีกที่เน้นการขายสินค้าจำเป็นพื้นฐาน ในราคาที่ต่ำ และ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น มีสินค้าให้เลือกน้อย (Hard Discounter) เป็นต้น ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการค้าปลีก (Association of Retail Companies: AKORT) ซึ่งมีเว็บไซต์ คือ https://www.acort.ru/ เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า การเปิดร้านค้ารูปแบบนี้มีราคาต่ำกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉลี่ยประมาณ 20-40%

 

คุณโอลกา ซูมิเชฟสกายา หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษา One Story (https://www.onestory.pro/) ชี้ว่า ชาวรัสเซียหันมาเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีความสะดวกและกะทัดรัดมากขึ้น โดยอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปถึงได้จากบ้านของตนเอง มีสินค้าที่จำเป็น และมีการเสนอบริการจัดส่งออนไลน์  ปัจจุบัน จำนวนร้านค้าขนาดกะทัดรัดที่มีพื้นที่ 100-200 ตารางเมตร กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในรัสเซีย โดยคุณสตานิสลาฟ บ็อกดานอฟ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้ประกอบการค้าปลีก (Chairman of the AKORT Presidium) ได้ตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนร้านค้าขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2567 

 

คุณมิคาอิล บูร์มิสโตรฟ ซีอีโอ ของ Infoline-Analytics ระบุว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความนิยมของซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตลดลง คือ ราคาอาหารที่พุ่งสูง โดยชาวรัสเซียได้เปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบการบริโภคที่เน้นการประหยัด ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อการพัฒนาซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ ซุปเปอร์มาร์เก็ตกำลังสูญเสียคุณลักษณะและข้อได้เปรียบที่เคยมีในอดีต โดยก่อนหน้านี้ การมีอาหารสำเร็จรูป เบเกอรี่ และ จุดบริการกาแฟ ให้เลือกมากมาย ทำให้รูปแบบของซุปเปอร์มาร์เก็ตแตกต่างจากรูปแบบของร้านค้าปลีกอื่นๆ แต่ปัจจุบันแนวโน้มของรูปแบบดังกล่าวได้กลายเป็นคุณลักษณะของตลาดค้าปลีกโดยรวมทั้งหมดไปแล้ว

 

คุณมิคาอิล บูร์มิสโตรฟ ได้ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ผู้เล่นรายใหญ่ในวงการค้าปลีกกำลังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยการลดพื้นที่ค้าปลีก หรือ ลดจำนวนขอบเขตของผลิตภัณฑ์ (Product Range) ลง ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนกรกฎาคม 2568 ขอบเขตของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารในร้านค้าปลีกของรัสเซียลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ขอบเขตของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหารก็ลดลง 1.8% เช่นกัน (ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Nielsen)  

 

เครือร้านค้าปลีก Perekrestok (เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท X5 Group ซึ่งมีเว็บไซต์ คือ  https://www.x5.ru/en/about/) ได้เริ่มปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ด้วยการเปิดร้านค้าขนาดเล็กลง โดยในเดือนมิถุนายนปีนี้ ได้เปิดตัวรูปแบบร้านค้าปลีก Perekrestok Select ซึ่งมีขนาดประมาณ 400 ตารางเมตร (ซึ่งเป็นขนาดประมาณหนึ่งในสามของขนาดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมในเครือ Perekrestok)  ทั้งนี้มี ข้อสังเกตว่า เครือร้านค้าปลีก Perekrestok กำลังประสบกับการเติบโตที่ช้ากว่าเครือร้านค้าปลีกอื่นๆ ที่พัฒนาและอยู่ในกลุ่มบริษัท X5 Group  โดยจากผลประกอบการเบื้องต้น รายได้ของเครือร้านค้าปลีก Perekrestok ในไตรมาสที่สามของปีนี้อยู่ที่ 122.6 พันล้านรูเบิล เพิ่มขึ้นเพียง 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่รายได้รวมของกลุ่มบริษัท X5  Group เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  

 

เทรนด์รูปแบบร้านค้าปลีกดังกล่าวในรัสเซีย อาจส่งผลทำให้ร้านค้าปลีกในรัสเซียมีการคัดเลือกประเภทสินค้าที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในร้านค้าปลีกของตนมากขึ้น โดยคาดว่า สินค้าจำเป็นพื้นฐานที่มีราคาไม่สูง น่าจะได้รับความสนใจจากร้านค้าปลีกต่างๆ ในรัสเซียมากขึ้น 

 

ที่มา:  Bigger doesn’t mean super (https://www.kommersant.ru/doc/8139870) 

 

 

 

อ่านข่าวฉบับเต็ม : เทรนด์รูปแบบร้านค้าปลีกในรัสเซีย

Login

ปิดโหมดสีเทา