หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > ผู้ผลิตจีนเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้ผลิตจีนเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% สำหรับสินค้าจากจีนเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ บริษัท Agilian Technology บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีน ได้เร่งดำเนินการเพื่อหาทางเลือกในการหลีกเลี่ยงภาษีดังกล่าว
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว บริษัท Agilian Technology กังวลว่าสหรัฐฯ อาจออกมาตรการภาษีใหม่หากประธานาธิบดีทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง บริษัทจึงเตรียมวางแผนรับมือกับมาตรการภาษีใหม่ โดยผู้บริหารของบริษัทได้เดินทางไปยังโรงงานในมาเลเซียเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการย้ายการผลิตบางส่วนไปที่มาเลเซีย
ในปัจจุบันประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 10% กับสินค้าจากจีน และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม ทำให้ทางบริษัทต้องเร่งตั้งฐานการผลิตในมาเลเซียโดยมีเป้าหมายที่จะส่งสินค้าล็อตแรกไปยังสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้
Renaud Anjoran รองประธานบริหารของ บริษัท Agilian Technology กล่าวว่า ทางบริษัทถูกบังคับให้เร่งดำเนินงานย้ายฐานการผลิต และผู้บริหารยังวางแผนเดินทางไปอินเดียเพื่อสำรวจโรงงานเพิ่มเติม
การกลับมาของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้ผู้ผลิตจีนหลายรายต้องเร่งขยายการผลิตไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ บริษัทจีนที่ใช้กลยุทธ์ “จีนบวกหนึ่ง” (China Plus One) ซึ่งหมายถึงการหาฐานการผลิตสำรองนอกจีน ก็เร่งเพิ่มกำลังการผลิตในต่างประเทศมากขึ้น

โรงงานบางแห่งพยายามหาวิธีที่จะลดราคาสินค้าเพื่อให้สินค้ายังคงสามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐอเมริกาได้ท่ามกลางต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษี อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรในอุตสาหกรรมหลายแห่งของจีนนั้นค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ทำให้การลดราคาค่อนข้างจำกัด
นอกจากนี้ ผู้ผลิตจีนยังต้องเตรียมรับมือกับแรงกดดันอื่นๆ เพิ่มเติม เพราะรัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทขนส่งและเรือที่ผลิตในจีนที่จะเข้าสู่ท่าเรือสหรัฐฯด้วย ประธานาธิบดีทรัมป์ยังพิจารณามาตรการภาษีตอบโต้และภาษีนำเข้าอัตราใหม่ต่อผลิตภัณฑ์ยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ช่วงระหว่างการหาเสียงประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าอย่างน้อย 60% กับสินค้าที่มาจากจีน
เนื่องจากค่าแรงที่สูงขึ้นในจีน ทำให้บริษัทหลายแห่งเริ่มมองหาประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่าตั้งแต่ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเปิดสงครามการค้ากับจีนในการดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2561 การเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ย้ำให้ผู้ผลิตจีนเห็นถึงความสำคัญของการกระจายฐานการผลิต
ภายใต้อัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้ยอดการนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐฯลดลง แต่ในทางกลับกัน จีนกลับมีดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากขึ้น นักวิเคราะห์บางรายมองว่าสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทจีนนั้นย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นก่อนที่จะส่งสินค้ามายังสหรัฐฯ
บริษัทจีนที่กำลังมองหาวิธีหลีกเลี่ยงภาษีได้ขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า การลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคการผลิตของอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 9,100ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561


จากการวิเคราะห์ของบริษัทให้คำปรึกษา Fathom Consulting พบว่าการลงทุนโดยตรงจากจีน โดยการตั้งโรงงานและฐานการผลิตใหม่ในลักษณะ Greenfield Investment คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดของการลงทุนจากจีนไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกตั้งแต่ปี 2565
นับตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ นาย Steve Greenspon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัทเครื่องใช้ในบ้าน Honey-Can-Do International ในรัฐอิลลินอยส์ เริ่มแสดงความสนใจที่จะย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีนมากขึ้น โดยลูกค้าของบริษัท เช่น Walmart และผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ ก็ได้เรียกร้องให้ทางบริษัทกระจายแหล่งผลิตเช่นกัน
ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในช่วงดำรงตำแหน่งรอบแรก นาย Steve Greenspon แจ้งว่า 50% ของสินค้าของบริษัทนั้นผลิตในจีน และส่วนที่เหลือผลิตในเวียดนามและไต้หวัน แต่ทว่าในปัจจุบัน จีนมีสัดส่วนการผลิตเพียง 20% ของการผลิตทั้งหมด ในขณะที่เวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 60% และไต้หวันอยู่ที่ 20% นอกจากนี้ ผู้รับเหมารายหนึ่งของบริษัทในประเทศจีนซึ่งผลิตไม้แขวนเสื้อกำมะหยี่ ก็กำลังย้ายไปตั้งโรงงานการผลิตในกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และคาดว่าจะขยายการผลิตมากขึ้นไปที่กัมพูชาเมื่อโรงงานเปิดดำเนินการแล้ว
การย้ายห่วงโซ่อุปทานไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลาและเงินในการสำรวจสถานที่ใหม่ สร้างโรงงาน ฝึกอบรมแรงงาน ศึกษากฎระเบียบในประเทศนั้นๆ และพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการผลิต ผู้ผลิตบางรายมองว่าโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งของจีนนั้นทำให้การดำเนินธุรกิจที่จีนง่ายกว่าที่ประเทศอื่น และแม้ว่าผู้ผลิตจะย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปประเทศอื่น แต่วัตถุดิบหลักส่วนใหญ่ยังต้องมาจากประเทศจีน
ความไม่แน่นอนจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้บริษัทหลายแห่งไม่กล้าตัดสินใจที่จะลงทุน ซึ่งหากบริษัทใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อตั้งโรงงานในประเทศหนึ่ง แต่ต่อมาประเทศนั้นอาจถูกประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าใหม่ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเม็กซิโก ที่มีการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะเปลี่ยนนโยบายภาษีนำเข้ากะทันหัน เช่นเดียวกันกับการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาไปอีก 30 วัน
นาง Sandra Wong ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายและการตลาดดิจิทัลจากบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเซินเจิ้น ระบุว่าบริษัทเตรียมช่วยเหลือลูกค้าในการรับมือกับภาษีโดยการลดราคาสินค้า และบริษัทก็กำลังมองหาวิธีลดต้นทุนการผลิตโดยไม่ลดคุณภาพ เช่น การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการผลิตมากขึ้น ซึ่งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าใหม่นี้อาจทำให้บริษัทหาลูกค้าใหม่ได้ยากขึ้น แต่นาง Sandra Wong เชื่อว่าสินค้าของบริษัทจะยังคงขายได้ โดยบริษัทก็วางแผนที่จะผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์
นาย William Liu ผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท Rongli Garments ผู้ผลิตเสื้อผ้าไร้ตะเข็บที่มีฐานการผลิตอยู่ในเมืองอี้หวู่ และผลิตเสื้อผ้าให้กับ Walmart และ Sam’s Club กล่าวว่าทางบริษัทจะลดราคาสินค้าลง 5% เพื่อช่วยรับต้นทุนทางภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทลดลง อย่างไรก็ดี จากการวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าภาษีศุลกากรที่บังคับใช้ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น โดยรวมแล้วผู้ผลิตในจีนไม่สามารถลดราคาสินค้าลงได้มากนักเพราะมีอัตรากำไรที่ต่ำอยู่แล้ว ส่งผลให้ต้นทุนทางภาษีส่วนใหญ่ได้ถูกผลักไปยังผู้บริโภคในสหรัฐฯ
นาย William Guo ผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทผลิตยาง Lenston Tyre ในเมืองชิงต่าว กล่าวว่า ผลกำไรของบริษัทนั้นต่ำเกินกว่าที่จะลดราคาได้ ซึ่งบริษัทจะผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นจากโรงงานในกัมพูชาและไทย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการผลิตสินค้าประมาณ 30% นอกประเทศจีน ทางบริษัทประเมินว่าลูกค้าประมาณครึ่งหนึ่งของบริษัทเป็นชาวอเมริกัน และบริษัทจะต้องปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
นาย Renaud Anjoran รองประธานบริหารของ บริษัท Agilian Technology กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทพยายามมองหาลูกค้าใหม่จากยุโรปและออสเตรเลีย แต่ก็จะไม่ทิ้งลูกค้าอเมริกันถึงแม้จะต้องเผชิญภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นก็ตาม โดยคาดการณ์ว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของสินค้าที่บริษัทผลิตจะส่งไปยังสหรัฐฯ และด้วยนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีความไม่แน่นอน ทางบริษัทต้องเร่งวางแผนรับมือ โดยไม่สามารถรอให้สถานการณ์นิ่งเฉยก่อนที่จะตัดสินใจได้ และเชื่อว่าการขายสินค้าจีนให้กับสหรัฐฯ จะยากขึ้นเรื่อยๆ

ข้อมูลอ้างอิง: Wall Street Journal

อ่านข่าวฉบับเต็ม : ผู้ผลิตจีนเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Login