สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (ISTAT) เปิดเผยรายงานเงินเฟ้อ ปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.0% (เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่เพิ่มขึ้น 5.7%) โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) เมื่อจำแนกตามหมวดรายจ่ายพบว่า สินค้าและบริการที่ขยายตัวลดลง ได้แก่ หมวดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อยู่ที่ +2.4% (ปี 2566 อยู่ที่ +10.0%) หมวดด้านการบริการสุขภาพและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ขยายตัวลดลงเพียงเล็กน้อย อยู่ที่ +1.5% (ปี 2566 อยู่ที่ +1.6%) และหมวดสินค้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาสูบ อยู่ที่ +2.3% (ปี 2566 อยู่ที่ +3.5%) ในขณะที่ หมวดที่อยู่อาศัย ไฟฟ้า เชื้อเพลิง และน้ำประปา หดตัว -5.6% (ปี 2566 อยู่ที่ +3.9%) สำหรับสินค้าและบริการที่มีราคาปรับสูงขึ้น มีเพียงหมวดการศึกษา อยู่ที่ +2.2% (ปี 2566 อยู่ที่ +1.1%)
โดยดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกตามประเภทของสินค้า พบว่า ราคาสินค้า ขยายตัวลดลง อยู่ที่ +2.3% (ปี 2566 อยู่ที่ +9.8%) โดยเฉพาะสินค้าอาหารผ่านการแปรรูป ขยายตัวลดลง อยู่ที่ +2.3% (ปี 2566 อยู่ที่+10.9%) ในขณะที่ ราคาสินค้าด้านพลังงาน หดตัวลง อยู่ที่ -10.1% (ปี 2566 อยู่ที่ +1.2%) โดยเฉพาะราคาเชื้อเพลิง ยานยนต์ น้ำมันหล่อลื่น เชื้อเพลิงในครัวเรือน และไฟฟ้าในตลาดเสรี หดตัว อยู่ที่ -11.3% (ปี2566 อยู่ที่ +7.5% ) ในส่วนของราคาด้านบริการ ขยายตัวลดลง +2.8% (ปี 2566 อยู่ที่ +4.2%) โดยราคาด้านบริการการดูแลร่างกาย กิจกรรมสันทนาการ ขยายตัวลดลง อยู่ที่ +3.8% (ปี 2566 +5.9%) ในขณะที่ ราคาบริการด้านการสื่อสาร ปรับเพิ่มขึ้น +0.8% (ปี 2566 อยู่ที่ +0.5%)
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของอิตาลี ปี 2568 จะขยายตัวไม่เกิน +2.0% โดยราคาพลังงานยังคงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในอิตาลี
สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี ได้คาดการณ์ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนธันวาคม 2567 เท่ากับ 121.2 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของอิตาลี เพิ่มขึ้น +0.1% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2567 (อยู่ที่ -0.1%) โดยเมื่อจำแนกตามหมวดรายจ่าย พบว่า สินค้าและบริการที่มีราคาลดลง ได้แก่ หมวดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อยู่ที่ -0.2% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.7%) หมวดสินค้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาสูบ อยู่ที่ -0.4% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.1%) ในขณะที่ สินค้าและบริการที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดการขนส่ง อยู่ที่ +0.7% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.1%) หมวดด้านการบันเทิง วัฒนธรรม อยู่ที่ +0.7% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ -0.6%) และหมวดร้านอาหาร อยู่ที่ -0.6% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ -1.9%) และเมื่อจำแนกตามประเภทของสินค้าและบริการ พบว่า ราคาสินค้า ขยายตัวลดลง อยู่ที่ 0.0% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.2%) แบ่งเป็น ราคาสินค้าอาหาร อยู่ที่ -0.2% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.6%) ราคาพลังงาน อยู่ที่ +0.4% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ +0.3%) ราคาสินค้าคงทน ไม่คงทน และกึ่งคงทน อยู่ที่ +0.1% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ -0.2%) ในขณะที่ ราคาด้านบริการ ปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ +0.2% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ -0.4%) โดยราคาบริการด้านการขนส่ง ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ +1.4% (เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ -0.2%)
ในขณะที่ หากเทียบกับเดือนธันวาคม 2566 ดัชนีราคาผู้บริโภค เพิ่มขึ้นอยู่ที่ +1.3% โดยดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกตามหมวดรายจ่ายพบว่า สินค้าและบริการ ขยายตัวลดลง ได้แก่ หมวดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อยู่ที่ +2.2% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +5.9%) หมวดสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน อยู่ที่ +0.2% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +3.2%) สำหรับหมวดการสื่อสาร หดตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ -5.4% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ -2.3%) ในขณะที่ สินค้าและบริการที่หดตัวลดลง ได้แก่ หมวดที่พักอาศัย น้ำประปา ไฟฟ้า และเชื้อเพลิง อยู่ที่ -0.1% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ -19.3%) ในขณะที่หมวดการศึกษา ขยายตัว อยู่ที่ +2.9% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +1.9%) โดยดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกตามประเภทของสินค้าและบริการพบว่า ราคาสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ +0.2% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ -1.5%) แบ่งเป็น ราคาสินค้าอาหาร อยู่ที่ +2.1% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +5.8%) ราคาพลังงาน อยู่ที่ -2.9% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ -24.7%) ราคาสินค้าคงทน ไม่คงทน และกึ่งคงทน อยู่ที่ -0.1% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +2.1%) ในขณะที่ ราคาด้านบริการ ขยายตัวลดลง อยู่ที่ +2.6% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +3.4%) โดยราคาบริการด้านที่พักอาศัย ขยายตัวลดลงมากที่สุด อยู่ที่ +2.4% (เดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ +4.2%)
ความคิดเห็นของ สคต. ณ เมืองมิลาน
การส่งออกของไทยไปยังอิตาลี ปี 2567 (มกราคม – พฤศจิกายน) ยังคงขยายตัวได้ดี มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,992.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว +2.59% ซึ่งเป็นผลมาจากสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปยังอิตาลี 4 อันดับแรก (คิดเป็นสัดส่วนรวม 43.97% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าไปอิตาลีทั้งหมด) มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อันดับ 1 อัญมณีและเครื่องประดับ มูลค่า 271.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+4.86%) อันดับ 2 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มูลค่า 239.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+10.39%) อันดับ 3 รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 210.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+79.15%) และอันดับ 4 อาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 153.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+38.86%)
อย่างไรก็ตาม จากการปรับคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2568 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลดลงเหลือ 0.8% (จากเดิม 0.9% เมื่อเดือนกันยายน 2567) แสดงให้เห็นว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจอิตาลียังคงมีแนวโน้มชะลอตัว อันมีผลมาจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ นโยบายทางเศรษฐกิจของทรัมป์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างอิตาลี-สหรัฐอเมริกา (ซึ่งต้องติดตามต่อไป เนื่องจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีเชิงบวกต่อนายกรัฐมนตรีจอร์จา เมโลนี ของอิตาลี โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 นายกรัฐมนตรีจอร์จา เมโลนี ได้ไปเยือนคฤหาสน์ Mar-a-Lago ที่รัฐฟลอริดา เพื่อพบกับว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม 2568) และสถานการณ์เศรษฐกิจในเยอรมนีที่ชะลอตัวลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่ไว้วางใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ และส่งผลให้ประชาชนมีอำนาจในการจับจ่ายซื้อสินค้า/บริการลดลง รวมถึงประชาชนชะลอ/ลดการอุปโภคสินค้าที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น
——————————————————————-
ที่มา: 1. สำนักงานสถิติแห่งชาติ (https://www.istat.it/)
2. https://www.ansa.it/sito/notizie/economia/2025/01/07/istat-linflazione-a-dicembre-13-su-anno-01-mese_27520834-16cd-4457-894b-e11058054a81.html
3.เครดิตรูปภาพประกอบข่าว https://unsplash.com/@socialtyvr?utm_content=creditCopyText&utm_medium=referral&utm_source=unsplash และ https://unsplash.com/@slimmars13?utm_content=creditCopyText&utm_medium=referral&utm_source=unsplash
อ่านข่าวฉบับเต็ม : เงินเฟ้ออิตาลี ธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้น 1.3% ทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1%
