เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 สถาบันการเมืองและสังคมของเช็ก (Czech Institute of Politics and Society: IPSS) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและเศรษฐกิจมาหารือร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสาธารณรัฐเช็กในอีก 4 ปี ข้างหน้า โดยผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าแม้ว่าอนาคตจะยังคงไม่แน่นอน แต่การกำหนดภาษีศุลกากรและจุดยืน “America-first” ของทรัมป์อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเช็กและสหรัฐฯ เผชิญความท้าทาย โดยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่สองของทรัมป์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการค้าและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็ก แม้ว่าสถานการณ์ในอนาคตอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ตาม
การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายแคเมรอน มุนเตอร์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเซอร์เบียและปากีสถาน และนายเวสตัน สเตซีย์ ผู้อำนวยการบริหารหอการค้าอเมริกันในเช็ก (Executive Director of the American Chamber of Commerce in Czechia) รวมถึงนายออนเดรจ โควาริค สมาชิกรัฐสภายุโรป (Member of European Parliament: MEP) ต่างเห็นพ้องต้องกันว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อการค้าของเช็กในระดับต่างๆ กัน มุนเตอร์กล่าวว่า “พรรครีพับลิกันและทรัมป์จะมีอำนาจมากขึ้น เนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา” เขากล่าวเสริมว่านโยบายคุ้มครองการค้าของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงภาษีศุลกากรที่อาจจัดเก็บกับสหภาพยุโรปเพิ่มเติม อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเช็กที่พึ่งพาการส่งออกยานยนต์เป็นหลัก โดยสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรปถึง 47,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ตั้งใจจะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม นายมุนเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่าสพภาพยุโรปในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ สหภาพยุโรปมีอำนาจต่อรองเพื่อป้องกันภาษีศุลกากรที่เข้มงวดเกินไป นอกจากนี้ นายโควาริคกล่าวเสริมว่าสหภาพยุโรปได้กำหนดภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นกับสหรัฐฯ อยู่แล้ว ซึ่งอาจกระตุ้นให้เช็กและสหภาพยุโรปทบทวนแนวทางของตนใหม่ “สหภาพยุโรปต้องเตรียมการเจรจาที่เข้มแข็งและมุ่งหน้าไปวอชิงตัน” ประกอบกับ นายสเตซีย์ชี้ให้เห็นว่าภาษีศุลกากร 10 เปอร์เซ็นต์ที่ทรัมป์เสนอสำหรับการนำเข้าจากสหภาพยุโรปอาจไม่เกิดขึ้นจริง “จะมีข้อตกลงทางธุรกิจรายบุคคลขนาดเล็กมากมายระหว่างประเทศ” นอกจากนี้ นายมุนเตอร์กล่าวเสริมว่าบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ ที่มีการลงทุนในสหภาพยุโรปจำนวนมาก เช่น Tesla อาจต่อต้านภาษีศุลกากรที่อาจสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของพวกเขา รวมถึงนายอีลอน มัสก์ อาจเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ อาจผลักดันให้มีนโยบายภาษีศุลกากรที่ผ่อนปรนมากขึ้น
นอกจากนี้ ชัยชนะของทรัมป์อาจส่งผลต่อความรู้สึกทางการเมืองในประเทศของสาธารณรัฐเช็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาของเช็ก ซึ่งความไม่พอใจแบบเดียวกันกับผู้นำสหรัฐฯ ที่ผ่านมา มีส่วนผลักดันให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ คาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นในเช็ก ที่ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นและความไม่พอใจดังกล่าวทำให้พรรค ANO ของ นายอังเดรจ บาบิส ซึ่งมีอุดมการณ์สอดคล้องกับทรัมป์ ขึ้นนำในผลสำรวจก่อนการเลือกตั้งล่าสุด
สำหรับภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนในอนาคต นายสเตซีย์ตั้งข้อสังเกตว่าผู้นำที่เป็นมิตรกับรัสเซียในยุโรปตะวันออก เช่น นายโรเบิร์ต ฟิโก แห่งสโลวาเกีย และนายวิกเตอร์ ออร์บัน แห่งฮังการี กำลังใช้กระแสขวาจัดนี้เพื่ออิทธิพลที่มากขึ้นในสหภาพยุโรป แม้ว่าเรื่องนี้อาจช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเช็กและสหรัฐฯ ได้ แต่แนวทาง “America-first” ของทรัมป์อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อเช็กในที่สุด นโยบายต่างประเทศที่ปฏิเสธโลกาภิวัตน์และให้ความสำคัญเฉพาะประเทศของตนนั้น ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการลดการสนับสนุนของสหรัฐฯ ใน NATO ซึ่งอาจทำให้ความมั่นคงของเช็กอ่อนแอลง การที่ทรัมป์วางแผนถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสยังเน้นย้ำถึงทัศนคติที่แยกตัวจากโลกภายนอกของเขา และการถอนตัวอาจส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าในนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของเช็กที่ยังไม่มั่นคงอยู่แล้ว นอกจากนี้ จุดยืนที่สนับสนุนอิสราเอลของทรัมป์อาจช่วยเสริมจุดยืนของเช็ก เนื่องจากเช็กเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของอิสราเอลในสหภาพยุโรป การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลอาจทำให้เช็กได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น นายโควาริกเน้นย้ำถึงความสำคัญของเช็กที่ยังคงมีส่วนร่วมในการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และอิหร่านเพื่อปกป้องความมั่นคง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสามเห็นพ้องต้องกันว่าทรัมป์น่าจะลดความช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสนับสนุนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นายมุนเตอร์กล่าวว่ายูเครนจะไม่ใช่ลำดับความสำคัญสำหรับทรัมป์ “ทรัมป์อาจยุติสงครามได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาเพียงแค่ต้องเลือกว่า 24 ชั่วโมงนั้นจะเป็นช่วงเวลาใด”
ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.
จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้นนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็กอย่างไม่มีข้อสงสัย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และนโยบายต่างประเทศ หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่เร่งผลักดันนโยบายที่ปกป้องตลาดภายในสหรัฐฯ หรือมาตรการด้านภาษีศุลกากรที่เข้มงวด ก็อาจทำให้เศรษฐกิจเช็กเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรติดตามความเคลื่อนไหวด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อสามารถปรับตัวได้ทันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ความสัมพันธ์ระหว่างเช็กและสหรัฐจะเป็นอย่างไรต่อไป