เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นาย โดนัลด์ ทรัมป์ (พรรครีพับริกัน) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 47 ซึ่งมีนโยบายหลักในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศโดยมีแผนกำหนดกำแพงภาษีสินค้านำเข้ากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสินค้าจากจีน เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศทดแทนนโยบายลดภาษีบริษัทและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดให้กับสินค้าที่ผลิตในประเทศ “America first” เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและลดการขาดดุลของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีนโยบายต่างประเทศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจกระทบต่อภาคการค้า การลงทุนในตลาดโลก โดยเฉพาะจีนที่เป็นคู่ค้าหลักของออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางออสเตรเลียระบุว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินผลกระทบต่อออสเตรเลียได้ในทันที เนื่องจากทรัมป์จะเริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ในเดือนมกราคม 2568 และหากทรัมป์ดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงในด้านต่างๆ คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นวงกว้างในตลาดโลก ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย โดยนโยบายที่มีแนวโน้มจะกระทบต่อออสเตรเลียมากที่สุดมีดังนี้
- นโยบายด้านการต่างประเทศ มีแนวโน้มสูงที่สหรัฐอเมริกาจะลดบทบาททางการค้าระหว่างประเทศระดับพหุภาคีและความร่วมมือทางยุทธศาสตร์โลก ซึ่งอาจกระทบกับทิศทางความร่วมมือไตรภาคีในสนธิสัญญาพันธมิตรด้านความมั่นคงทางการทหาร (AUKUS) ระหว่างออสเตรเลีย อังกฤษและสหรัฐอเมริกา ที่มีวัตถุประสงค์ในการทำงานร่วมกันในการเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารในด้านไซเบอร์ (Cyber) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีควอนตัม (Quantum Technologies) และความสามารถใต้ทะเล เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
- นโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศ การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก (ร้อยละ 10) และจีน (ร้อยละ 60) จะกระทบต่อการค้าโลกโดยรวมและการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของออสเตรเลีย (นำเข้าวัตถุดิบในการผลิตร้อยละ 35 จากออสเตรเลียมีการส่งออกมูลค่าเฉลี่ย 90 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี) รวมการส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ เครื่องอุปกรณ์ที่ใช้ทางการแพทย์ เครื่องกังหันไอพ่น ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปและเหล็กของออสเตรเลียไปสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่า 10 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
- นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สหรัฐอเมริกาอาจละเลยต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และลดบทบาทด้านการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน รวมถึงการสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งจะมีผลต่อการเติบโตของตลาดสินค้าและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดให้ชะลอตัวลงแต่จะเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าเหมืองแร่ออสเตรเลีย
- นโยบายด้านแรงงานในประเทศของสหรัฐฯอาจส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่การผลิตในสหรัฐอเมริกาและตลาดโลกหยุดชะงัก ซึ่งอาจกระตุ้นให้ภาวะเงินเฟ้อในตลาดโลกยาวนานขึ้น และมีผลต่อทิศทางการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลียในปี 2568
- ค่าเงินเหรียญออสเตรเลียอ่อนค่าลงทันทีร้อยละ 1.5 หลังการประกาศชัยชนะของทรัมป์ จะกระทบต่อการนำเข้าสินค้าออสเตรเลียรวมถึงการนำเข้าสินค้าจากไทย เนื่องจากราคาสินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าโดยเฉพาะรถไฟฟ้าจากจีน จะเป็นผลต่อดีต่อนโยบายการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อนและลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะของออสเตรเลียให้สามารถบรรลุได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากจะมีรถไฟฟ้เข้ามาจำหน่ายในออสเตรเลียมากขึ้นและจะมีราคาถูกลง จะทำให้ภาคครัวเรือนออสเตรเลียทั่วไปสามารถเข้าถึงรถไฟฟ้าได้มากขึ้น
………………………………………………………………………………………………
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์
ที่มา:
www.abc.net.au
www.theguardian.com
อ่านข่าวฉบับเต็ม : คาดการณ์ผลกระทบกับออสเตรเลีย…หลัง Trump ชนะการเลือกตั้ง