- ถึงแม้ว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยรวมในประเทศฝรั่งเศสจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ภายหลังจากที่ภาวะเงินเฟ้อได้ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับขึ้นสูงเป็นอย่างมากในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้า แต่ผู้บริโภคฝรั่งเศสยังคงระมัดระวังค่าใช้จ่ายและรักษาระดับการบริโภคไว้เช่นเดียวกับในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อ
- บริษัท BCG- Boston Consulting Group ได้ทำการสำรวจตัวเลขการบริโภคทั่วทวีปยุโรปในช่วงระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคฝรั่งเศสมีระดับการบริโภคต่ำที่สุดในบรรดาประเทศในทวีปยุโรปทั้งหมด โดยเฉพาะในหมวดหมู่สินค้า 2 ประเภท ได้แก่ สินค้า Snacking (ฝรั่งเศสลดลงร้อยละ 30 เยอรมนีและอังกฤษลดลงร้อยละ 15) และสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม (ฝรั่งเศสลดลงร้อยละ 38 ยุโรปลดลงร้อยละ 20)
- นอกเหนือจากสินค้าทั้งสองประเภทนี้แล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสินค้าลักชัวรี่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน การบริโภคสินค้าลักชัวรี่ทั่วทวีปยุโรปลดลงร้อยละ 13 และรูปแบบการบริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคส่วนหนึ่งลดการบริโภคสินค้าลักชัวรี่โดยตรง ในขณะที่ผู้บริโภคอีกส่วนหนึ่งลดปริมาณซื้อสินค้าโดยหันมาเลือกบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้นถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่า
- สาเหตุที่ชาวยุโรปลดระดับการบริโภคเนื่องมาจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมและราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากตารางด้านล่างจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของตลาดผู้บริโภคโดยแบ่งตามประเภทของสินค้าต่างๆ จะเห็นได้ว่า มีสินค้าเพียงสองชนิดเท่านั้นที่ระดับการบริโภคไม่ได้ลดลง ได้แก่ สินค้าอาหารแห้งและผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน โดยการตัดสินใจซื้อสินค้าอาหารแห้ง ปัจจัยด้านราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด สูงถึงร้อยละ 17 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน ปัจจัยด้านราคาส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น
- นาย Julien Dangles ผู้อำนวยการบริษัทการตลาด BCG วิเคราะห์ว่าสถานการณ์การบริโภคในยุโรปโดยรวมค่อนข้างตึงเครียด โดยเฉพาะผู้บริโภคฝรั่งเศสมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากกว่าชาติอื่นๆ ถึงแม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้องการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี มีคุณสมบัติรักษ์โลก แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกมากกว่าและเลือกบริโภคเฉพาะสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันเท่านั้น นาย Julien Dangles ได้ให้คำแนะนำว่าผู้ประกอบการควรปรับตัวโดยใช้นวัตกรรมใหม่ซึ่งอาจได้จากการเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ต่างไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Flora ผู้ผลิตเนยจากไขมันพืชที่สามารถตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าราคาสินค้าคู่แข่งที่ทำมาจากนมวัวถึงร้อยละ 20 และยังสามารถตอบสนองความต้องการสินค้ารักษ์โลกได้อีกทางหนึ่ง
- นาย Julien ยังกล่าวอีกว่ากลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ การตั้งราคาที่เหมาะสมและชัดเจนเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคของสินค้าให้ได้มากที่สุด แทนการตั้งราคาในระดับกลางและคาดหวังให้ผลิตภัณฑ์สามารถตอบรับทุกกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ การทำโปรโมชั่น หรือหากต้องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ควรทำเป็นขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ตั้งราคาขายได้ไม่สูงจนเกินไป อย่างไรก็ตามสถานการณ์การบริโภคโดยรวมเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยอาจต้องใช้เวลาระหว่างหกเดือนถึงหนึ่งปีต่อจากนี้ เพื่อที่ตลาดการบริโภคในฝรั่งเศสจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ความคิดเห็น สคต.
- หลังจากการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนาย Michel Bernier เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมาและมีการจัดตั้งทีมรัฐบาลใหม่ สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วยเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสให้กลับมาได้ในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วทั้งทวีปยุโรปไม่สดใสเท่าที่ควร โดยเฉพาะประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของฝรั่งเศส ส่งผลกระทบต่อตลาดการส่งออกของฝรั่งเศสค่อนข้างมาก
- อย่างไรก็ตาม องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา– OECD กล่าวว่าดัชนี GDP รวมของฝรั่งเศสปี 2024 นี้จะยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 1.1 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากการขยายตัวในไตรมาสที่สามต่อเนื่องจากงานกีฬาโอลิมปิก PARIS 2024 นอกเหนือจากนั้น ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของธุรกิจการค้าปลีกเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี ทั้งคริสมาสต์และปีใหม่ หากผู้บริโภคหันกลับมาใช้จ่ายมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางสคต.ปารีสจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิดและนำมารายงานความคืบหน้าให้ทราบในคราวต่อไป
ที่มาของข่าว
Clotilde Briard
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Les Echos
https://www.lesechos.fr/industrie-services/conso-distribution/snacking-alcools-textile-les-francais-se-serrent-plus-la-ceinture-que-les-autres-europeens-2126836
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ผู้บริโภคฝรั่งเศสยังคงรัดเข็มขัดมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในทวีปยุโรป