กรมศุลกากรไนจีเรียประกาศใช้มาตรการยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับการนำเข้าอาหารจำเป็นตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เพื่อให้สินค้าอาหารจำเป็นมีราคาถูกลง โดยที่ในเดือนกรกฎาคมฯ รัฐบาลกลางอนุมัติช่วงเวลาปลอดอากรศุลกากร 150 วันเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าข้าวโพด ข้าวกล้อง และข้าวสาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ประกาศเกี่ยวกับกำหนดเวลาการยกเว้นอากรศุลกากรนี้อยู่ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธโดยหัวหน้าผู้บังคับบัญชากรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ระดับประเทศของกรมตรวจเงินแผ่นดิน
แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 แต่กรมศุลกากรเพิ่งประกาศนโยบายดังกล่าวโดยให้ความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดและกรอบการดำเนินการซึ่งจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยแถลงการณ์บางส่วนระบุว่า “กรมศุลกากรไนจีเรีย มีความยินดีที่จะประกาศว่า ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย นายโบลา อาห์เหม็ด ตินูบู ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานด้านเศรษฐกิจ ได้อนุมัติกฎระเบียบสำหรับการนำอัตราภาษีศูนย์เปอร์เซ็นต์และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาใช้กับการนำเข้าอาหารจำเป็นที่เลือกแล้วซึ่งนโยบายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 และจะยังมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567” นอกจากนี้ คำชี้แจงยังระบุด้วยว่าการยกเว้นภาษีนำเข้าอาหารจำเป็นที่เลือกแล้วนั้นจะช่วยลดต้นทุนอาหารในไนจีเรียอย่างมากโดยทำให้สินค้าจำเป็นมีราคาถูกลงสำหรับชาวไนจีเรีย
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงยังเน้นย้ำด้วยว่า แม้ว่ามาตรการชั่วคราวนี้จะออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อกลยุทธ์ระยะยาวที่จัดทำขึ้นเพื่อปกป้องเกษตรกรและผู้ผลิตในท้องถิ่น
ข้อกำหนดคุณสมบัติสำหรับนโยบายภาษีนำเข้าเป็นศูนย์
คำชี้แจงยังระบุเกณฑ์คุณสมบัติโดยละเอียดสำหรับบริษัทที่ต้องการเข้าร่วมนโยบายภาษีนำเข้าเป็นศูนย์สำหรับสินค้าอาหารจำเป็น เพื่อให้มีคุณสมบัตินั้น บริษัทต่างๆ จะต้องจดทะเบียนในไนจีเรียและดำเนินกิจการมาอย่างน้อย 5 ปี ยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีและงบการเงินอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้ง ชำระภาษีและภาระผูกพันด้านภาษีหักจากค่าจ้างเงินเดือนตามกฎหมายทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
กรอบการปฏิบัติตามและการติดตาม
กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางจะจัดส่งรายชื่อผู้นำเข้าที่ได้รับอนุมัติและโควตาให้กับกรมศุลกากรไนจีเรียเป็นระยะๆ เพื่อให้การนำเข้าสินค้าอาหารจำเป็นเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นภายใต้กรอบนโยบายนี้ นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังกำหนดให้สินค้าที่นำเข้าอย่างน้อย 75% ต้องจำหน่ายผ่านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ โดยต้องมีการบันทึกธุรกรรมและการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดซึ่งบริษัทต่างๆ จะต้องรักษาบันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ครบถ้วนโดยรัฐบาลอาจขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้หลักเกณฑ์ฯ บริษัทจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดและต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียมและอากรนำเข้าที่เกี่ยวข้อง
สำหรับรายการสินค้าอาหารจำเป็น 6 ประเภทที่เข้าเงื่อนไขอัตราภาษีร้อยละศูนย์ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ข้าวฟ่างเมล็ด ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่ว อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าตามรายการสินค้าอาหารที่ถูกกำหนดนั้นไม่มีข้าวนึ่ง (Parboiled rice) ซึ่งเป็นอาหารหลักที่นิยมบริโภคเป็นอย่างมากแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กรมศุลกากรไนจีเรียภายใต้การนำของผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกร้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินการตามแผนริเริ่มนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร
อ่านข่าวฉบับเต็ม : กรมศุลกากรไนจีเรียประกาศยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับการนำเข้าอาหารจำเป็น