เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่กรุงฮานอย การประชุมเผยแพร่กฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร
ที่มาจากพืชและสัตว์เข้าสู่ตลาดยุโรปโดยมีการชี้แจ้งข้อมูลต่างๆ ของกระทรวงสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของคณะกรรมาธิการยุโรป (DG SANTE) ร่วมกับสำนักงานสุขาภิบาลและสุขอนามัยพืชของเวียดนาม (Sanitary and Phytosanitary Authority: SPS Vietnam)
ดร. Sylvie Coulon ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของ DG SANTE กล่าวในงานประชุมว่า สหภาพยุโรปกำลังใช้กฎระเบียบปี 2019/1973 เกี่ยวกับมาตรการฉุกเฉินในการควบคุมการนำเข้าสินค้าอาหารของบางประเทศ เนื่องจากสหภาพยุโรปพบสารพิษที่ตกค้างในสินค้าบางประเภทจากประเทศผู้ส่งออกต่างๆ รวมถึงเวียดนามด้วย อย่างเช่น พริกไทย ทุเรียนและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่กำหนดไว้ในกลุ่มภาคผนวก 1 ที่ต้องมีการเพิ่มการควบคุมอย่างเข้มงวดเมื่อเข้าสู่สหภาพยุโรป มีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนสารพิษ โดยจะมีการตรวจสอบเอกสารและตัวอย่างเพิ่มเติม ณ ด่านที่นำเข้า นอกจากนี้ เวียดนามยังมีกลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยด้านอาหารของยุโรป ได้แก่ พริกไทย แก้วมังกรและกระเจี๊ยบเขียว เนื่องจากมีสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างในระดับที่สูง
นอกจากนี้ นาย Ngo Xuan Nam รองผู้อำนวยการ SPS Vietnam ระบุว่า กระเจี๊ยบเขียวและพริกไทยของเวียดนาม
มีการกำหนดให้ตรวจสารพิษตกค้างร้อยละ 50 ของปริมาณที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรป และทุเรียนเวียดนามต้องตรวจสารพิษตกค้างร้อยละ 10 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและแก้วมังกรต้องตรวจสารพิษตกค้างร้อยละ 20 ซึ่งปกติทุกๆ 6 เดือน สหภาพยุโรปจะประชุมทบทวน ลงคะแนนเสียงและตัดสินใจในการเพิ่มหรือลดสัดส่วนการตรวจสอบของการควบคุมการนำเข้าอาหารสำหรับบางประเทศ โดยในการประชุม ตัวแทนของ DG SANTE ได้ประกาศว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ใกล้ถึงนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเวียดนามอาจถูกตัดออกจากรายการตรวจสอบเนื่องจากมาตรฐานเป็นไปตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 แก้วมังกรและกระเจี๊ยบเขียวของเวียดนามที่ส่งออกไปยังยุโรปจะต้องเพิ่มสัดส่วนในการตรวจสอบมากขึ้นและอาจถูกระงับการนำเข้าทั้งหมดชั่วคราว แม้จะเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาดยุโรป หากสินค้าทั้งสองประเภทยังไม่มีการปรับปรุงตามข้อกำหนดตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ดี ตัวแทนของสำนักงาน SPS Vietnam หวังว่าสหภาพยุโรปจะยังคงสนับสนุนเวียดนามในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านอาหารให้กับผู้ประกอบการเวียดนามที่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป
เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพของภาคเอกชนเวียดนามในด้านการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหาร
(จาก https://en.vietnamplus.vn/)
ข้อคิดเห็น สคต
สหภาพยุโรปเป็นตลาดสำคัญในลำดับต้นของโลก มีการนำเข้าสินค้าเกษตรในปริมาณมาก และด้วยนโยบายการรักษาความมั่นคงด้านอาหาร ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้สหภาพยุโรปเพิ่มการคัดสรรแหล่งนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสของประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรทั่วโลก อย่างไรก็ดี สหภาพยุโรปมีมาตรฐานสูงในการนำเข้าสินค้าเกษตร และกฎหมายในการนำเข้าสินค้าอาหารที่เข้มงวดเช่นกัน ดังนั้น ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหภาพยุโรป ไม่ว่าจะเวียดนาม หรือไทย จึงจำเป็นที่ต้องศึกษารายละเอียดของกฎระเบียบ และมีมาตรการในการควบคุมสินค้าให้ได้มาตรฐานดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ยังคงรักษาโอกาสและปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป ทั้งนี้ หากผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าเกษตรให้ตรงตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปได้แล้ว จะยิ่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสที่จะส่งออกสินค้าเกษตรนั้นไปยังตลาดอื่นๆ ที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกับสหภาพยุโรป ได้อีกด้วย
อ่านข่าวฉบับเต็ม : สินค้าของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปอาจถูกระงับเนื่องจากการละเมิดความปลอดภัยด้านอาหาร