บริษัท Link Station หนึ่งในบริษัทไอทีในจังหวัดอาโอโมริของญี่ปุ่น มีแผนที่จะพัฒนาสาขาในเวียดนามให้เป็นหนึ่งในสำนักงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงบริษัทไอทีของญี่ปุ่นมีความสนใจเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยคาดว่าจะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจในเอเชียได้มากขึ้น
นาย Tanaka Taro จาก บริษัท Link Station กล่าวว่า นอกเหนือจากแผนการพัฒนาของบริษัทในไต้หวันแล้ว บริษัทLink Station ยังประเมินว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งเวียดนามสามารถทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลางระดับภูมิภาค” นอกจากนี้ยังมีโอกาสอย่างมากสำหรับความร่วมมือและการสำรวจตลาด จุดแข็งและประสบการณ์ของญี่ปุ่นกับบุคลากรด้าน IT จำนวนมากในเวียดนาม
นาย Jin Masahiko หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบของบริษัท Link Station กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งสำนักงานในเวียดนาม โดยจัดตั้งในรูปแบบพนักงานชาวเวียดนามที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่นจะรับผิดชอบด้านข้อมูลและการออกแบบ ในขณะที่บริษัทพันธมิตรในเวียดนามจะจัดการการเขียนโค้ดและการเขียนโปรแกรม ด้วยแรงงานที่มีคุณภาพด้าน IT ทำให้เวียดนามจึงเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสำหรับบริษัท IT ของญี่ปุ่น
นาย เหงียน ญัด มิงห์ (Nguyen Nhat Minh) จาก Link Station Vietnam กล่าวว่า ในขณะนี้ ตัวตนได้รับโอกาสและความรู้จากบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยเพิ่มความรู้ในการจัดการ การขาย และการแนะนำผลิตภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับกิจกรรมของบริษัทญี่ปุ่นในเวียดนามในอนาคต โดยนักพัฒนาด้าน IT ชาวเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลกในการจัดลำดับของนักพัฒนาในรายงาน Skill Value’s Report 2019 ทำให้เวียดนามเป็นประเทศเดียวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติด 29 อันดับแรก ปัจจุบัน ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีวิศวกรด้านไอทีและโปรแกรมเมอร์ประมาณ 350,000 คน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 ล้านในอนาคต
เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า บริษัทญี่ปุ่นจะมาทำธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและความได้เปรียบหลายประการ ในปี 2566 เวียดนามและญี่ปุ่นยกระดับความสัมพันธ์ของตนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ในปัจจุบัน นักลงทุนญี่ปุ่นได้ลงทุนในเวียดนามจำนวน 5,288 โครงการ โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 74,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม และในต้นปี 2567 ทุนจดทะเบียนทั้งหมดของญี่ปุ่นสูงถึง 422.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 290 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนญี่ปุ่น มองว่าเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุน ในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะยังคงพยายามร่วมมือกันและดำเนินการตามแผนที่มีศักยภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สู่การเติบโตร่วมกันของธุรกิจญี่ปุ่นและเวียดนาม ซึ่งมีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่น
(จาก https://en.vietnamplus.vn/)
ข้อคิดเห็น สคต
ในบรรดาภาคธุรกิจต่างๆ ในเวียดนาม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขยายเร็วที่สุดในเวียดนาม รายได้ในภาคอุตสาหกรรม IT ของเวียดนามในช่วงที่ผ่านมายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูง โดย ในปี 2566 การส่งออกฮาร์ดแวร์และอิเล็กทรอนิกส์เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับปี 2565 ในบริบทของการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม IT ทั่วโลก บริการทางธุรกิจด้าน IT เช่น การจัดจ้างบุคคลภายนอก (Offshore) หรือการจัดจ้างกระบวนการทางธุรกิจ (BPO: Back-office outsourcing) ที่ให้บริการข้ามพรมแดนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดเอเชีย ซึ่งทำให้ นักลงทุนต่างๆ ในญี่ปุ่นเห็นถึงการพัฒนาการร่วมมือและร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากด้าน IT มากขึ้น ซึ่งเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค สามารถแข่งขันได้ทั้งด้านต้นทุนและคุณภาพ โดยเวียดนามมีต้นทุนบุคลากรต่ำและมีคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงานจำนวนมาก ปัจจุบัน เวียดนามมีโรงเรียนฝึกอบรมด้าน IT คุณภาพสูงจำนวนมาก คาดการณ์ว่า ในอนาคต ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย ที่สนใจตลาดเวียดนามเป็นอย่างมากอีกด้วย
อ่านข่าวฉบับเต็ม : เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับบริษัทไอทีของญี่ปุ่น