‘ภูมิธรรม’ หารือเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง เล็งหาแนวทางเชื่อมความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนไทย-อิตาลี ชวนขยายการลงทุนใน ECC ส่งเสริมความร่วมมือสาขาศักยภาพ ทั้งการเกษตร เศรษฐกิจสีเขียว SMEs ผลักดัน Soft Power ด้านอาหาร-ท่องเที่ยว-แฟชั่น พร้อมขอให้หนุนการเจรจา FTA ไทย-อียู
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พบหารือกับนายเปาโล ดีโอนีซี (H.E. Mr. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ไทยกับอิตาลีมีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกด้านมายาวนาน โดยในปี 2567 ไทยและอิตาลีจะฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 156 ปี จึงต้องการผลักดันและสานความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ
สำหรับด้านการค้า อิตาลีถือเป็นคู่ค้าจากยุโรปที่สำคัญของไทย และได้เชิญชวนให้อิตาลีขยายการลงทุนเพิ่มในไทย โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และอิตาลีสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนได้ อีกทั้งเล็งเห็นว่าไทยก็สามารถใช้อิตาลีเป็นศูนย์กลางไปยังภูมิภาคยุโรปได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ไทยและอิตาลีมีศักยภาพและมีความสอดคล้องคล้ายคลึงกัน อาทิ การเกษตร การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และผลักดัน Soft Power ในด้านอาหาร การท่องเที่ยว และแฟชั่นของทั้งสองประเทศให้เป็นรูปธรรมต่อไป พร้อมเห็นว่าภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีบทบาทสำคัญต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและอิตาลี ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลียังได้กล่าวสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง Digital Wallet และแลกเปลี่ยนนโยบายของอิตาลีที่มีความคล้ายคลึงกับนโยบายดังกล่าวของไทย
นายภูมิธรรม เพิ่มเติมว่า ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือประเด็นการค้าสำคัญอื่นๆ เช่น การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยได้ขอให้อิตาลีในฐานะประเทศสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญของอียูให้การสนับสนุนการเจรจาดังกล่าว เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้โดยเร็ว ซึ่งตนเห็นว่าการจัดทำ FTA กับอียู จะมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และช่วยขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศ รวมถึงอิตาลีด้วยเช่นกัน
อิตาลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 24 ของไทย และอันดับที่ 3 จากอียู โดยในช่วง 11 เดือน (ม.ค. – พ.ย. 2566) การค้าระหว่างไทยกับอิตาลีมีมูลค่า 4,668.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (161,685.41 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 3.48 มีสัดส่วนการค้ารวมคิดเป็นร้อยละ 0.88 ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอิตาลี มูลค่า 1,942.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (66,787.72 ล้านบาท) และไทยนำเข้าจากอิตาลี มูลค่า 2,726.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (94,897.69 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอาหารสัตว์เลี้ยง สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เครื่องประดับอัญมณี ผลิตภัณฑ์ เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ‘ภูมิธรรม’ หารือทูตอิตาลี เชื่อมการค้าการลงทุน ร่วมมือเกษตร เศรษฐกิจสีเขียว SMEs ดัน Soft Power ด้านอาหาร-ท่องเที่ยว-แฟชั่น พร้อมชวนลงทุนใน EEC
ที่มา : กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ