หน้าแรกTrade insightข้าว > บริษัทเช็กส่วนใหญ่วางแผนที่จะเพิ่มเงินเดือนในปีนี้

บริษัทเช็กส่วนใหญ่วางแผนที่จะเพิ่มเงินเดือนในปีนี้

บริษัทเช็กกว่าร้อยละ 84 วางแผนที่จะเพิ่มเงินเดือนให้แก่พนักงานในปีนี้ โดยประมาณการณ์ในการเพิ่มเงินเดือนสูงถึงร้อยละ 5 – 10 และที่น่าสนใจคือบริษัทต่างๆ พิจารณาจะจ้างพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นในปีนี้ มากกว่าบริษัทที่วางแผนจะเลิกจ้างงาน ข้อมูลนี้ได้มาจากการสำรวจโดยบริษัทด้านบุคลากร Randstad จากการศึกษาพบว่า พนักงานเพียงร้อยละ 1 ของบริษัทเห็นว่าเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 5 ทั้งนี้ Mr. Martin Jánský ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัทกล่าวว่า “บริษัทต่างๆ กำลังแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะลงทุนกับพนักงาน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาและพัฒนาความสามารถในทีมของพวกเขา”

 

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ร้อยละ 64 พิจารณาว่าความท้าทายหลักในส่วนของพนักงานคือการรักษาคนที่ดีที่สุดและการพัฒนาผู้นำที่มีความสามารถ ทางออกที่ดีที่สุดคือการเพิ่มเงินเดือน ตามมาด้วยการฝึกอบรม จากนั้นจึงเสนอสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน

 

บริษัทส่วนใหญ่มักเสนอวันหยุดพักผ่อนเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ทางด้านไลฟ์สไตล์ สิ่งนี้ใช้ได้กับบริษัทกว่าร้อยละ 77 หรือมากกว่านั้นในปีที่ผ่านมา สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ตัวเลือกในการทำงานจากที่บ้าน และชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของผลประโยชน์ทางการเงิน บัตรกำนัลมื้ออาหาร หรือเงินสนับสนุนการจัดเลี้ยงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทาง สิ่งนี้ใช้ได้กับบริษัทกว่าร้อยละ 92 ลดลงจากร้อยละ 94 ในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ร้อยละ 75 เสนอให้โทรศัพท์มือถือแก่พนักงานที่ได้รับการคัดเลือก และร้อยละ 66 จ่ายค่าประกันชีวิตให้ ทั้งนี้ ร้อยละ 25 ของบริษัทในสาธารณรัฐเช็กวางแผนที่จะจ้างพนักงานเพิ่มเติม เนื่องมาจากสาเหตุหนึ่งคือยอดขายที่เพิ่มขึ้น

 

ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.

การที่บริษัทต่างๆ ในสาธารณรัฐเช็กมีแนวโน้มในการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในปี 2567 อันเนื่องมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นนั้น เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หากการปรับเพิ่มเงินเดือนเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลต่ออำนาจในการซื้อสินค้าของชาวเช็กที่เพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้าไทยมายังสาธารณรัฐเช็กเพิ่มเติม โดยในปี 2566 สาธารณรัฐเช็ก นำเข้าสินค้าจากทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 230,618 ล้านเหรียญสหรัฐ จากประเทศเยอรมนี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.32 จีน ร้อยละ 11.92 โปแลนด์ ร้อยละ 9.94 เนเธอร์แลนด์ ร้อยละ 5.83 และสโลวาเกีย ร้อยละ 5.79 ทั้งนี้ นำเข้าจากประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 998 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ทองแดงและของทำด้วยทองแดง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1)  สินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอส เครื่องปรุงรส และส่วนผสมอาหาร ข้าว ผักและผลไม้สด เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ฯลฯ) ปลาและอาหารทะเลแช่เย็น/แช่แข็ง

2)  สินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ สิ่งทอและผ้าผืนสำหรับบ้าน ของขวัญและของตกแต่ง ของตกแต่งและ อุปกรณ์สำหรับสวน ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมและในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องสำอางจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สำหรับการนวดแผนไทย

3)  ธุรกิจบริการ ได้แก่ ร้านอาหารไทยและอาหารไทย การนวดแผนไทย และสปาไทย

อ่านข่าวฉบับเต็ม : บริษัทเช็กส่วนใหญ่วางแผนที่จะเพิ่มเงินเดือนในปีนี้

Login