การทำเกษตรอินทรีย์ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในความหมายกว้างๆ การทำเกษตรอินทรีย์อาจถือได้ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเนื่องจากเน้นไปที่การยกเว้นการใช้สารสังเคราะห์ ยาฆ่าแมลง เคมี ฮอร์โมน ยาปฏิชีวนะ วัตถุเจือปน และการลดทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่หมุนเวียนให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นที่เชื่อว่าเกษตรอินทรีย์จะมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน และการส่งเสริมสุขภาพของสัตว์และพืชด้วย
คาซัคสถานมีพื้นที่ที่ได้รับการจัดการทางนิเวศวิทยาตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ เช่น Kostanay Akmola Almaty North Kazakhstan Karagandy และ Aktobe โดยภูมิภาค Kostanay น่าจะเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งพื้นที่อินทรีย์ที่ได้รับการรับรองในคาซัคสถาน (ในปี 2562) อยู่ที่ 294,289 เฮกตาร์ โดยส่วนแบ่งของพื้นที่อินทรีย์ในพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมดคือ 0.1% อย่างไรก็ดี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นเป็น 120% โดยมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 53% ระหว่างปี 2561 ถึง 2562 โดยพื้นที่อินทรีย์เพิ่มขึ้น 102,156 เฮกตาร์ ทำให้คาซัคสถานครองอันดับที่ 8 ของโลกในแง่ของการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อินทรีย์ (Willer, Schlatter, Trávníček, & Kemper, 2021)
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 คาซัคสถานได้ออกฎหมาย Law No. 432 on Organic Production โดยกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดพื้นฐานทางกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และองค์กร ของการผลิตแบบออร์แกนิค โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน ส่งเสริมโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูป ผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงสัตว์/พืชในน้ำ และผลิตภัณฑ์ของป่า ทั้งนี้ ในการ ดำเนินการตามกฎหมาย Law No. 432 on Organic Production คาซัคสถานได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) Rules for the production and turnover of organic products issued by the Ministry of Agriculture on 23 May 2016 under No. 230
(2) Rules for keeping a register of producers of organic products issued by the Ministry of Agriculture on 18 December 2015 under No. 1-3/1102
(3) List of substances that may be used in the production of organic products, issued by the Ministry of Agriculture on 23 May 2016 under No. 231
นอกจากนี้ ในปี 2560 ได้มีการออกมาตรฐานระดับชาติอีก 3 มาตรฐาน โดยมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2561 เพื่อควบคุมการผลิตและการติดฉลากออร์แกนิค ดังนี้
(1) National Standard ST RK 3109-2017 “Organic Products. National Organic Conformity Mark. Technical requirements and the procedure for labeling organic products”
(2) National Standard ST RK 3110-2017 “Conformity assessment. Requirements for bodies to confirm the conformity of production of organic products and organic products”
(3) National Standard ST RK 3111-2017 “Organic products. Requirements for the manufacturing process”
ในปัจจุบัน คาซัคสถานมีหน่วยงานรับรองระดับชาติสำหรับการผลิตแบบออร์แกนิคในคาซัคสถานเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียน คือ “ศูนย์ความเชี่ยวชาญและการรับรองแห่งชาติ” (JSC “National Center for Expertise and Certification”) ซึ่งได้รับการรับรองโดย “ศูนย์รับรองวิทยฐานะแห่งชาติ” (National Center for Accreditation) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 นอกจากนี้ ในคาซัคสถานยังมีหน่วยงานตรวจสอบการผลิตแบบออร์แกนิคที่เป็นเอกชน เช่น QAZAQ BIO CONTROL ด้วย
https://biocontrol.kz/o-kompanii
www.nca.kz
อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปการรับรองออร์แกนิคเป็นกระบวนการที่ขั้นตอนและอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งปกติต้องมีการรักษาเอกสารที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประวัติหน่วยการผลิตและการจัดองค์กรการผลิต ผลการทดสอบดิน น้ำ และทรัพยากรอื่นๆ และการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี ทำให้ผู้ผลิตบางรายไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในการรับรองได้
ขณะนี้คาซัคสถานอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับใหม่ คือ “ร่างกฎหมายว่าด้วยการผลิตและการหมุนเวียนผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค” (Law on the production and circulation of organic products) โดยหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค (production process of organic products) จะต้องได้รับการรับรอง และนอกเหนือจากการรับรองผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคแบบรายบุคคลในปัจจุบันแล้ว ยังอาจมีการรับรองแบบกลุ่มอีกด้วย ซึ่งจะทำให้สะดวกสำหรับฟาร์มผู้ผลิตขนาดเล็ก ทั้งนี้ คาดว่าข้อกำหนดการรับรองดังกล่าวจะรวมอยู่ในเอกสารฉบับเดียวและจะมีการแนะนำหลักการใหม่อื่นๆ ด้วย ในขณะเดียวกันก็มีร่างข้อตกลงว่าด้วยกระบวนการสำหรับการยอมรับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคภายในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Draft Agreement on the procedure for recognizing organic products within the EAEU) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการด้วย
จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรแห่งคาซัคสถาน ปัจจุบันตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีมูลค่า ประมาณ 120.6 พันล้านยูโร โดยตลาดมีการเติบโตอย่างแข็งขันเพิ่มขึ้น 7 เท่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในปี 2568 คาดการณ์ขนาดตลาดว่าจะอยู่ที่ 170 พันล้านยูโร และมีอัตราการเติบโต 8% ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า ปัจจุบันคาซัคสถานมีฟาร์ม 38 แห่งที่ได้รับการรับรองสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค โดยสินค้าส่งออกออร์แกนิคหลักของคาซัคสถาน ได้แก่ ข้าวสาลี เมล็ดแฟลกซ์ และถั่วเหลือง ซึ่งจากการจัดอันดับของ FiBL และ IFOAM จาก 123 ประเทศ คาซัคสถานอยู่ในอันดับที่ 9 ในด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค อันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศที่ส่งออกข้าวสาลีออร์แกนิค และอันดับที่ 6 ในด้านการส่งออกเมล็ดแฟลกซ์ออร์แกนิค ไปยังสหภาพยุโรป
สำหรับตลาดออร์แกนิคภายในประเทศ คาซัคสถานมีตลาดออร์แกนิคเล็กๆ สำหรับอาหารออร์แกนิคที่นำเข้า โดยมักจะมีราคาสูงกว่าราคาผลิตภัณฑ์อาหารปกติถึงสี่เท่า ซึ่งปกติอาหารออร์แกนิคมักจะถูกบริโภคโดยชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ในซุเปอร์มาร์เก็ตที่มีสินค้าครบครันบางแห่ง อาจสามารถพบสินค้าออร์แกนิคที่นำเข้าที่ได้รับการรับรองตามกฎระเบียบออร์แกนิคของสหภาพยุโรปอยู่บ้างเป็นระยะๆ ในขณะที่ตลาดออร์แกนิคเพื่อส่งออก มากกว่า 90% ของผู้ผลิตวัตถุดิบอินทรีย์ในคาซัคสถานซึ่งเป็นบริษัททางการเกษตรขนาดใหญ่จะตัดสินใจภายหลังการเก็บเกี่ยวว่าคุ้มค่าที่จะส่งออกวัตถุดิบอินทรีย์ไปยังสหภาพยุโรปหรือไม่ นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าคาซัคสถานแทบไม่มีการแปรรูปวัตถุดิบอินทรีย์ได้บ่งชี้หรือสะท้อนถึงการไม่ตื่นตัวของตลาดออร์แกนิคภายในประเทศของคาซัคสถาน ดังนั้น ในภาพรวม ประชากรคาซัคสถานยังมีความต้องการและตระหนักในเรื่องอาหารออร์แกนิคไม่มากนัก
เนื่องจากการแยกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคออกจากจากผลิตภัณฑ์ทั่วไปอาจทำได้ยาก ผู้บริโภคจึงยังคงต้องพึ่งพาการรับรอง เช่น กระบวนการรับรองที่หน่วยรับรองภาครัฐหรือภาคเอกชนรับรองว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคได้รับการผลิตและ/หรือแปรรูปตามมาตรฐานที่เหมาะสม หรือการใช้ฉลากออร์แกนิคซึ่งจะช่วยรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับผู้บริโภค และช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ออร์กานจากคู่แข่งที่ไม่เป็นธรรม
National Mark of Conformity for Kazakhstan Organic Product
การพัฒนาตลาดเพื่อการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ในคาซัคสถานประสบปัญหาและข้อจำกัดหลายประการที่เป็นอุปสรรคต่อศักยภาพการพัฒนาของประเทศในทิศทางนี้ ปัญหาหลักประการหนึ่งคือความล้าหลังของตลาดภายในประเทศสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ซึ่งอาจส่งผลกระทบกระตุ้นการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการเข้าถึงตลาดโลก อย่างไรก็ดี ในคาซัคสถานมีหน่วยงานที่ส่งเสริมสนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์ เช่น สหภาพผู้ผลิตออร์แกนิคแห่งคาซัคสถาน (Qazaqstan Organic Producers Union) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561 และ สมาพันธ์คาซัคด้านการเคลื่อนไหวเกษตรอินทรีย์ (Kazakh Federation of Organic Agriculture Movements: KAZFOAM) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรด้านเกษตรอินทรีย์ที่มีมาตั้งแต่ปี 2553
https://www.facebook.com/QOPUnion/
https://www.facebook.com/KAZFOAM?mibextid=ZbWKwL
แม้ในภาพรวม คาซัคสถานจะเป็นตลาดใหม่ที่มีความน่าสนใจสำหรับไทย แต่ในส่วนของตลาดสินค้าออร์แกนิคของคาซัคสถานในปัจจุบันอาจยังไม่มีความตื่นตัวมากนัก อย่างไรก็ดี โดยที่กระแสนิยมสินค้าออร์แกนิคกำลังขยายตัวออกไปทั่วโลก จึงอาจคาดการณ์ได้ว่าในอนาคต สินค้าออร์แกนิคน่าจะเป็นที่นิยมในคาซัคสถานมากยิ่งขึ้นได้ ทั้งนี้ หากคำนึงถึงพื้นที่อินทรีย์ที่มีมากในคาซัคสถาน คาซัคสถานจึงนับเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคประเทศหนึ่ง ในชั้นนี้ จึงยังมีโอกาสสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนไทยที่สนใจตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคในคาซัคสถานที่อาจพิจารณาเข้ามาร่วมทุนและพัฒนาสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคในคาซัคสถานได้
อ่านข่าวฉบับเต็ม : สินค้าออร์แกนิคในคาซัคสถาน
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ