Sligro Food Group ประกาศผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1.4 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.2 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า โดยมีกำไร EBITDA (Earnings before interest, tax, depreciation, and amortization) 54 ล้านยูโร และมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 1 ล้านยูโร
Koen Slippens, CEO ของ Sligro มองว่าธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการบริการ (Hospitality Industry) และอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยง (Catering Industry) ยังคงมีเสถียรภาพและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับแรงหนุนในการเติบโตจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในเชิงปริมาณยังคงอยู่ภายใต้ภาวะกดดันทางการตลาด แต่ Sligro Food Group มีการเติบโตทั้งในเชิงราคาและปริมาณ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ Sligro Food Group ยังคงสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้และสามารถเพิ่มปริมาณในการขายให้กับกลุ่มลูกค้าเดิม อีกทั้งมีจำนวนกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ Heineken และการเข้าซื้อกิจการ Metro ในเบลเยี่ยมของ Sligro Food Group ที่ส่งผลทำให้ Sligro มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในทั้ง 2 ประเทศอีกครั้ง ทั้งนี้ Sligro คาดว่าจะสามารถรักษาระดับของผลประกอบการทางธุรกิจในปัจจุบันได้ต่อไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นและส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการเพิ่มขึ้นนั้น Sligro คาดว่าปริมาณการซื้อสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย Sligro มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาดอีกครั้งในปีนี้ และจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตำแหน่งทางการตลาดของ Sligro ทั้งในเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม
การเข้าซื้อกิจการ Metro ในเบลเยี่ยมทำให้ผลประกอบการธุรกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจากข้อมูลของ Sligro คาดว่า Metro จะช่วยให้กิจการของ Sligro ในเบลเยี่ยมเติบโตได้ถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเดิมที่คาดไว้ภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าสินค้าบางรายการอาจเกิดการชะลอตัวของยอดจำหน่าย อาทิ สินค้ายาสูบ แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ และ Sligro คาดว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ายาสูบจะยังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7 หรือต่ำกว่าเล็กน้อย และสำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ Sligro จะมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้และการรับมือกับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ โดยได้วางแผนและเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้เพื่อการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และการลดต้นทุนในเชิงโครงสร้าง เพื่อให้ผลประกอบการทางธุรกิจในครึ่งปีหลังดียิ่งขึ้นไปกว่าในครึ่งปีแรก
บทวิเคราะห์และความเห็น สคต.
การตกลงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง Sligro กับ Heineken มีระยะเวลาเริ่มแรกเป็นเวลา 15 ปี นับเป็นความร่วมมือที่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ Sligro จะดำเนินการด้านการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าและด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าเบียร์และไซเดอร์ของ Heinekenสำหรับภาคอุตสาหกรรมการบริการ (Hospitality Industry) ในเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้เกิดการให้บริการแบบ One-stop Shop สำหรับสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร และสินค้าที่ไม่ใช่อาหารทั้งหมดสำหรับกลุ่มลูกค้าจากภาคอุตสาหกรรมการบริการ ความร่วมมือกันครั้งนี้ทำให้ Heineken เป็นพันธมิตรอันดับ 1 ของ Sligro สำหรับสินค้าเบียร์และไซเดอร์ นอกจากนี้ Heineken ยังจะขายธุรกิจการค้าส่งสินค้าอาหารและสินค้าที่ไม่ใช่อาหารอื่นๆ อาทิ น้ำดื่ม น้ำอัดลม เหล้า ไวน์ ชา และกาแฟ ให้แก่ Sligro เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของ Sligro เฉพาะการค้าส่งเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 150 ล้านยูโร ไม่นับรวมการขายแบบ Cash and Carry และการค้าปลีก นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ Metro ในเบลเยี่ยมเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยให้ Sligro สามารถขยายตลาดได้กว้างขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่และทำให้มีผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจจะสามารถช่วยให้บริษัทหรือผู้ประกอบการสามารถต่อสู้และฝ่าฝันปัญหาอุปสรรคและความท้าทายทางธุรกิจในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับเป้าหมาย และปัญหาค่าครองชีพที่ทำให้ผู้บริโภคต้องประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าและสามารถทำผลกำไรต่อไปได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)