นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานแถลงผลงาน 1 ปีกระทรวงพาณิชย์ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมงานด้วย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2563 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 อาคารสํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
ผลงานเด่นของกระทรวงพาณิชย์ที่เราได้ร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการมาทั้งในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการการเมืองทุกท่าน รวมทั้งปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ตรวจราชการ และเพื่อนข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในทุกระดับ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องภายใต้กำกับของกระทรวงพาณิชย์ จนกระทั่งปรากฏผล 16 ผลงานเด่นในรอบหนึ่งปีตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน
สำหรับผลการทำงานทั้ง 16 เรื่องประกอบด้วย
เรื่องที่ 1 คือ การประกันรายได้เกษตรกรพืชเกษตร 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด โดยในรอบปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างในวงเงินรวม 71,210 ล้านบาท สามารถที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ 7.29 ล้านครอบครัว
เรื่องที่ 2 ได้มีการตั้ง กรอ.พาณิชย์เป็นทางการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ภาคราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคและผลักดันการค้าทั้งในประเทศและการส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศโดยถือหลักให้เอกชนเป็นทัพหน้า กระทรวงพาณิชย์เป็นทัพหนุน
เรื่องที่ 3 การเปลี่ยนบทบาททูตพาณิชย์ เป็นเซลล์แมนประเทศ และพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด เพื่อขยายการค้าและเพื่อผลักดันการส่งออกรวมทั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าของประเทศ
เรื่องที่ 4 การนำทีมเอกชนขายสินค้าทั่วโลกทั้งในรูปแบบของการลงนาม MOU ในหลายประเทศเช่น จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมันนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้นสามารถลงนาม MOU ขายสินค้าได้รวมกันทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 94,822 ล้านบาท นอกจากนั้นก็มีการจับคู่เจรจาธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งสิ้น 231 คู่ในช่วงที่ตนนำคณะเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ รวมทั้งในรูปแบบของการสร้างมูลค่าจัดงานแสดงสินค้า และคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศซึ่งทำให้เราสามารถขายสินค้าได้รวมอีกก้อนหนึ่ง 54,192 ล้านบาท
เรื่องที่ 5 การผลักดันการค้าชายแดนด้วยการขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินการเปิดด่านเพื่อเสริมสร้างมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าการค้าชายแดนได้เป็นเงินถึง 1.02 ล้านล้านบาท ในเรื่องของการเปิดด่านนั้นสามารถผลักดันการเปิดด่านแม่สอด แห่งที่2 สำเร็จ นอกจากนั้นการค้าชายแดนผ่านด่านเจดีย์สามองค์ก็สามารถผลักดันให้ฝ่ายความมั่นคงอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจฝั่งไทยสามารถนำเงินผ่านแดนได้ถึงครั้งละ 2 ล้านบาท จากเดิม 500,000 บาท นอกจากนั้นบริเวณด่านไทยกัมพูชาตนได้เจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชา จนประสบความสำเร็จ และจะมีการเปิดด่านหนองเอี่ยน-สตึงบท ที่จังหวัดสระแก้ว เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งด่านทันทีที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยจะไม่รอให้มีการก่อสร้างอาคารใหม่เสร็จสิ้น เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะต้องรออีก 3-4 ปี แต่จะดำเนินการทันทีโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาทำสำนักงานไปพลางก่อน เพื่อให้การค้าใช้แดนเดินหน้าได้ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด ส่วนบริเวณด่านไทยลาว ตนไปประชุมกับหอการค้าและภาคเอกชนที่จังหวัดอุบลราชธานี มีปัญหาตรงด่านนาตาลฝั่งไทย ฝั่งอุบล ปากแซงของฝั่งลาวที่การส่งออกสินค้าผ่านด่านนาตาล ปากแซงนั้น ต้องขออนุญาตจากฝ่ายความมั่นคงก่อนโดยใช้เวลาครั้งละ 7-10 วัน ทำให้การค้าผ่านด่านนี้สามารถคลี่คลายปัญหาได้เสร็จสิ้นแล้วโดยการส่งออกสินค้าผ่านด่านนาตาล ปากแซง สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตเพียงแค่แจ้งฝ่ายความมั่นคงทราบเท่านั้น นอกจากนั้นในส่วนของด่านชายแดนไทยมาเลเซีย ตนได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาเลเซียและทูตพาณิชย์ไทย ทูตเกษตรไทยได้เจรจากับมาเลเซียเพิ่มเติมจนกระทั่งประสบความสำเร็จ นอกจากด่านสะเดาแล้ว ด่านปาดังเบซาร์ กับด่านบ้านประกอบ สามารถขนส่งสินค้าข้ามแดนได้เต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดส่งออกให้ประเทศไทยต่อไป ส่วนด่านไทยผ่านไปยังลาว เวียดนาม และผ่านไปยังประเทศจีน ซึ่งติดปัญหาอุปสรรคมาในช่วงวิกฤติโควิดนี้อย่างน้อยสามด่านสามารถเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบแล้ว คือ ด่านโหยวอี้กวน ด่านผิงเสียงและด่านตงซิง ซึ่งเป็นด่านใหม่ที่จีนยินดีเปิดเพื่อให้สินค้าไทยผ่านด่านไปเวียดนามและจีนตอนใต้ได้ เร็วๆนี้จะเดินทางไปประชุมที่อำเภอเชียงดาว เพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดด่านกิ่วผาวอก ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าประสบความสำเร็จก็จะช่วยให้ตัวเลขการค้าชายแดนไทย เมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญ
เรื่องที่ 6โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน 5Lot ที่ผ่านมาซึ่งสามารถนำสินค้า 8,763 รายการ มาลดราคาให้กับคนไทยทั้งประเทศสูงสุดถึงร้อยละ 80 ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทและยังจะมีนโยบายดำเนินการต่อไปอีกใน Lot อื่นๆ นอกจากพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพยังมีโครงการย่อยอีกเช่นคาราวานธงฟ้าฝ่าภัยโควิดซึ่งเป็นรถพุ่มพวงที่กระจายไปในหลายพื้นที่เพื่อลดภาระค่าครองชีพจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนในช่วงโควิด
เรื่องที่ 7 ดำเนินการร่วมกับกระทรวงโดยเฉพาะกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในเรื่องของการทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค สามารถหาข้อสรุปได้ครบถ้วนทั้ง 20 ข้อบท และหลังจากค้างคามา 7 ปี คาดว่าถ้าไม่มีอุปสรรคอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะสามารถลงนามที่เวียดนามได้ในปลายปีนี้ในเรื่องของ RCEP
เรื่องที่ 8 การยกระดับโชวห่วยเป็นสมาร์ทโชวห่วยได้กว่า 28,000 แห่งในรอบหนึ่งปี รวมทั้งสามารถยกระดับสมาร์ทโชวห่วยขึ้นเป็นสมาร์ทโชวห่วยเดลิเวอรี่ได้ 2,155 ร้านค้าด้วยกัน
เรื่องที่ 9 การยกระดับราคาเศษกระดาษ เพื่อช่วยซาเล้งและนำไปสู่โมเดลการแก้ปัญหาแบบซาเล้งโมเดลในกรณีอื่นๆตามมาในอนาคต โดยในปัจจุบันนี้ได้มีการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพซาเล้งผู้ค้าของเก่าขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รวมทั้งมีมาตรการในการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการรับซื้อเศษกระดาษขั้นต่ำไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาสูงเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คาดว่าจะสามารถช่วยผู้ประกอบการซาเล้งได้ประมาณ 1,500,000 ครัวเรือน ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งสมาคมซาเล้งและผู้รับซื้อของเก่า เสร็จสิ้นแล้วเพื่อเราจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเป็นระบบ
เรื่องที่ 10 การสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ในภูมิภาค ขณะนี้เราเร่งรัดดำเนินการและมีความคืบหน้าที่สามารถพัฒนาผู้ประกอบการไทยในเรื่องธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ซึ่งสามารถสร้างโอกาสและเร่งขยายตลาดไปได้มากในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ กัมพูชา ญี่ปุ่น เมียนมา สหรัฐอเมริกา เป็นต้น และช่วงที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นก็สามารถสร้างมูลค่าการค้าได้แล้วกว่า 1,561 ล้านบาท
เรื่องที่ 11 การเร่งสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ให้มีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การค้ายุค New Normal ซึ่งได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆทั้งด้านการค้ามีการส่งเสริมการพัฒนา Startup ไปได้ทั้งหมด 2,865 รายและพัฒนาการค้าดิจิตอลทั้งหมดได้มีการอบรมพัฒนาผู้ประกอบการการค้าออนไลน์ได้ 16,222 ราย รวมแล้วในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ได้ 19,087 ราย
เรื่องที่ 12 การควบคุมราคายาค่าบริการโรงพยาบาลเอกชนด้วยมาตรการแจ้งราคายาค่าบริการก่อนการรักษาผ่านระบบ QR Code
เรื่องที่ 13 คือการริเริ่มในการผลักดันวิสัยทัศน์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเพื่อบรรลุเป้าหมาย 1 สร้าง 3 เพิ่ม 1 สร้างคือสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก 3 เพิ่มคือ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เพิ่มจีดีพีของประเทศ และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทุกระดับด้วยการดำเนินการพันธกิจร่วมกัน 4 พันธกิจคือ 1.การสร้าง Single Big Data 2.สร้างแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาดให้เกิดขึ้น และ 3.การสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าไทยด้วยคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับได้ 4.การมุ่งพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด
เรื่องที่ 14 การผลักดันโครงการอาหารไทย อาหารโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพของโลกต่อไปโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน เกษตรกรและหน่วยงานภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง
เรื่องที่ 15 คือการเร่งรัดขึ้นทะเบียนสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่มีอัตลักษณ์เป็นของตนเองในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มจำนวนสินค้า GI ได้ 19 รายการ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เฉพาะ 19 รายการนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
เรื่องที่ 16 ขอถือโอกาสนี้รวมมาเป็นผลการทำงานในรอบปีนี้ คือ การจัดงานศิลปชีพ “ทอใจวิถีใหม่ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในวันที่ 1-5 สิงหาคม 2563 นี้ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญก็คือการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและพระราชกรณียกิจในด้านศิลปาชีพรวมทั้งการนำงานหัตถกรรมล้ำค่าที่หาชมยากออกประมูลและการจัดงานแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไทยซึ่งออกแบบโดยดีไซเนอร์ชั้นนำจากต่างประเทศและมีการแสดงสินค้าศิลปชีพต่างๆรวม 400 บูธด้วยกัน
“ขอขอบคุณพาณิชย์จังหวัดและทีมงานในทุกจังหวัดที่ช่วยกันทำงานหนักตลอดปีที่ผ่านมารวมทั้งสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศและทีมงานทั้งหมดทูตพาณิชย์ที่ร่วมใจกันทำให้กระทรวงพาณิชย์มีความก้าวหน้าตลอดปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และขอเป็นกำลังใจสำหรับการทำงานในช่วงที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่สองต่อไปด้วย”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว