หน้าแรกTrade insightเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า > JUMIA เปิดเผยรายงาน “พื้นที่ในชนบทในเคนยา ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตของอีคอมเมิร์ซ”

JUMIA เปิดเผยรายงาน “พื้นที่ในชนบทในเคนยา ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตของอีคอมเมิร์ซ”

พื้นที่ชนบทอาจเป็นตลาดที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าไรนักสำหรับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอนาคตของการค้าเสมือนจริงจะมีลักษณะอย่างไร จากการศึกษาโดยแพลตฟอร์มค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต บริษัท Jumia ในเคนยาในปี 2023 แสดงให้เห็นว่า ตลาดในชนบทของเคนยานี้ ยังเข้าไม่ถึงได้มากนัก เนื่องจากขาดโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ถนน และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ

รายงานยังเผยให้เห็นว่า การกระจายตัวของตลาดอีคอมเมิรช์ในนบทของเคนยานั้น ประสบปัญหาหลายด้าน เช่น  เครือข่ายซัพพลายเชนที่ไม่ดี และการไม่มีถนนหรืออาคารที่มีชื่อชัดเจน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขยายตัวของ  อีคอมเมิร์ซในเคนยาช้าลง ซึ่งสาเหตุสำคัญคือการเพิ่มต้นทุนในการจัดส่ง ตัวอย่างเช่น ในเคนยา กรุงไนโรบีและเมืองมอมบาซา มียอดขาย คิดเป็นเกือบ 62 เปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อออนไลน์ทั้งหมดสำหรับ Jumia โดยมีเพียง 23 เปอร์เซ็นต์ของคำสั่งซื้อออนไลน์ที่มาจากพื้นที่ชนบทหรือเมืองอื่น

โดยผลิตภัณฑ์ความงามเป็นสินค้าที่มีการสั่งซื้อมากที่สุดบนแพลตฟอร์มโดยคนชนบทในเคนยา โดยคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของการจัดส่งสินค้าทั้งหมด ตามมาติดๆ ด้วย ของใช้ภายในบ้าน เช่น เครื่องรับโทรทัศน์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเล่นวิดีโอหรือเครื่องเสียง และโทรศัพท์มือถือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกสั่งซื้อบนแพลตฟอร์ม อาจเป็นเพราะหาซื้อได้ยากในร้านค้าปลีกท้องถิ่น หรือเพราะไม่มีให้เลือกหลากหลาย ผู้ค้าปลีกในท้องถิ่นลังเลที่จะตุนสินค้าเหล่านี้บางส่วนเพราะกลัวว่าจะขายไม่ได้

“ประชากรมากกว่าร้อยละ 72 ของเคนยาอาศัยอยู่นอกเมืองหลัก และการเข้าถึงซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเรื่องท้าทายในพื้นที่ดังกล่าว” นาย Charles Ballard, CEO ของบริษัท Jumia Kenya กล่าวว่า “นี่เป็นโอกาสสำหรับอีคอมเมิร์ซที่จะเติบโตและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านเหล่านี้”

บริษัทมีผลขาดทุนจำนวน 87.8 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในเคนยาในปี 2556 โดยกล่าวว่า การเข้าใจตลาดสามารถช่วยพลิกฟื้นได้ โดยข้อมูลเสริมการค้นพบที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้โดย Communication Authority of Kenya ซึ่งแสดงว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2022 มีอัตราการเข้าถึงเงินผ่านมือถือมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ในเคนยา ซึ่งเน้นย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเงินผ่านมือถือและธุรกรรมอีคอมเมิร์ซโดย ธุรกิจและบุคคล

เมื่อเดือนที่แล้ว Uber Eats แพลตฟอร์มจัดส่งออนไลน์ได้เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าในปี 2022 จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 5.2 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขในปี 2564 ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเจาะตลาดใหม่ในชนบท “การส่งมอบตามความต้องการได้กลายเป็นมากกว่าการเล่นที่สะดวกสบาย มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภค” Wangui Mbugua ผู้จัดการทั่วไปของ Uber Eats Kenya กล่าว

ความเห็นของ สคต.

มูลค่าตลาด e-Commerce ของเคนยามีมูลค่ามากถึงกว่า 3,200 ล้าน USD และยังมีอัตราการเติบโตต่อปีร้อยละ 8-6 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ชื้อที่อยู่ในระบบประมาณ 35 ล้านคน โดย สคต. เล็งเห็นความสำคัญที่จะเชื่อมโยงสินค้าไทยกับ Platform ที่นิยมในเคนยา เช่น Jumia, Uber เป็นต้น มาโดยตลอด โดย สคต.มีแผนที่จะเชื่อมโยงสินค้าไทยให้เข้าไปอยู่ในตลาดเคนยาให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน มีการขายผ่านสินค้าเครื่องสำอางของไทยมีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ influncer หลายคนในเคนยา แต่ก็ยังเป็นการนำเข้ามาขายในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้จะต้องมีการพัฒนาช่องทางการขายต่างๆ ให้มีมากขึ้น

ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

The EastAfrican

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login