สมาพันธ์ข้าวเมียนมาระบุว่า แพลตฟอร์มการลงทะเบียนออนไลน์สำหรับการจัดเก็บข้าวจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2566 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการจัดเก็บข้าวและข้าวเปลือกอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันการผันผวนของตลาด
ข้าวเปลือกเป็นรายได้หลักของเกษตรกรชาวเมียนมา นอกจากการจำหน่ายข้าวภายในประเทศแล้วยังมีการส่งออกข้าวส่วนเกินไปยังตลาดต่างประเทศอีกด้วย ในปี 2566 มีข้าวสารและข้าวเปลือกเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศเมียนมา และข้าวเปลือกในช่วงมรสุมกำลังจะถูกเก็บเกี่ยวในไม่ช้า
พันธุ์ข้าวที่นิยมบริโภคในประเทศเมียนมา ได้แก่ Shwebo Pawsan, Pawsan จากแหล่งเพาะปลูกต่างๆ ได้แก่ Ayeyarmin, Ayeya Padaytha, Anyatha, และ Pakhan โดยพันธุ์ข้าวเหล่านี้เน้นผลิตให้กับตลาดในเมียนมาเท่านั้น พันธุ์ข้าวเหล่านี้ยังไม่เคยมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ สหพันธ์ข้าวเมียนมาจึงพยายามสร้างความร่วมมือกับกลุ่มเครือข่ายในห่วงโซ่อุปทานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวของตลาดภายในประเทศ
นอกจากนี้ ข้าวพันธุ์ Emahta, Kayinma, Tunpu, และ Ngasein ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งการส่งออกข้าวยังไม่ถูกระงับ บริษัทส่งออกข้าวที่มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ในการขนส่งสินค้าจะได้รับการพิจารณา และจะได้รับใบอนุญาต ภายหลังจากการตรวจสอบก่อนการจัดส่ง
ตามประกาศของสหพันธ์ข้าวเมียนมา ฉบับที่ 1/2566 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2566 เกี่ยวกับการส่งออกข้าวเปลือกมากกว่า 5,000 ตะกร้า และถุงข้าว 1,000 ถุง (มากกว่า 50 ตัน) ผู้ค้าส่งจะต้องทำการขึ้นทะเบียนการเก็บข้าว ภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2566
ภายใต้คำสั่งของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา สหพันธ์ข้าวเมียนมามีความพยายามในการพัฒนาตลาดข้าว การขึ้นทะเบียนการจัดเก็บข้าวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ตลาดมีความเป็นธรรม และเสถียรภาพด้านราคา โดยสหพันธ์ข้าวเมียนมาระบุว่า สหพันธ์ฯ กำลังดำเนินการให้บริการลงทะเบียนดิจิทัลผ่านออนไลน์ (MyRO) เพื่ออำนวยความสะดวกในขั้นตอนการลงทะเบียน
********************************************
Global New Light of Myanmar
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 7 กันยายน 2566
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)