ปัจจุบัน ตลาดสินค้าสำหรับแม่และเด็กอ่อนถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะสมัยใหม่รวมถึงประเด็นเรื่องความยั่งยืนที่เข้ามามีส่วนในการกำหนดทิศทางตลาด และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทีละน้อย โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นมิลเลนเนียลและเจเนอเรชั่น Z อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคในตลาดยุโรป กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอยลง ด้วยปัจจัยต่าง ๆ นี้ ก่อให้เกิดความท้าทายในการนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดปัจจุบัน สำหรับแนวโน้มตลาดที่น่าสนใจในอนาคตสามารถสรุปได้ ดังนี้
1. ความยั่งยืนสร้างจุดขายให้กับสินค้า
การเล็งเห็นถึงคุณค่าของความยั่งยืน ได้พัฒนากลายมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน หลายบริษัทต่างปรับตัวตามเทรนด์ เช่น การพัฒนาสินค้าให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น การจำหน่ายสินค้ามือสอง และการใช้ทรัพยากรการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมสินค้าสำหรับทารกและเด็กอ่อน ได้พัฒนาปรับสินค้าตามเทรนด์มากกว่าการใช้เพียงบรรจุภัณฑ์แบบรีไซเคิล เช่น บริษัท UPPAbaby พิมพ์บรรจุภัณฑ์ด้วยหมึกพิมพ์จากถั่วเหลือง และกำลังพัฒนาโครงรถเข็นเด็กด้วยอะลูมิเนียมรีไซเคิล นอกจากนี้ ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมของเล่นยุโรปต่างหันมาใช้วัสดุชีวภาพ และวัสดุรีไซเคิลที่สามารถซ่อมแซมและย่อยสลายได้ง่าย รวมถึงของเล่นที่มีประโยชน์ใช้สอยและฟังชันก์หลากหลาย เป็นต้น
2. ผู้บริโภคนิยมผลิตภัณฑ์มัลติฟังก์ชั่นและสามารถใช้ได้หลายช่วงอายุ
ผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับใช้ได้ในหลายช่วงอายุของผู้บริโภคได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะตามเทรนด์เรื่องความยั่งยืนแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น รถเข็นเด็กที่สามารถปรับขนาดและการใช้งานได้ตามช่วงอายุของเด็กที่เติบโตขึ้น สามารถปรับใช้วางเป็นคาร์ซีทในรถยนต์ หรือการปรับขยายขนาดรถเข็นเพื่อรองรับเด็กสองคน เป็นต้น
3. การตลาด Omnichannel และเทคโนโลยี AI ส่งเสริมอุตสาหกรรม
การผสมผสานช่องทางการตลาดระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ไปจนถึงการปรับใช้เทคโนโลยี AI มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติวงการการขายในปัจจุบัน ด้วยรูปแบบการทำการตลาดและการขายแบบ Omnichannel ช่วยให้ผู้บริโภคค้นพบและซื้อผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันได้มากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเสนอแนะแนวทางการตลาดที่สร้างสรรค์และสัมพันธ์กับข้อมูลของผู้บริโภคได้อีกด้วย
4. เทคโนโลยีภาพเสมือนจริงและอุปกรณ์อัจฉริยะ
การนำเทคโนโลยีภาพเสมือนจริงมาปรับใช้ในเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เห็นผลิตภัณฑ์เสมือนได้เห็นของจริงผ่านหน้าจอดิจิตอล และช่วยให้สามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ดีมากกว่าการเห็นแต่รูปภาพสินค้าตามปกติ ตัวอย่างสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีภาพเสมือนจริง เช่น สินค้ารถเข็นเด็ก และคาร์ซีทสำหรับรถยนต์ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน การพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะก็มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน เช่น Baby Monitor เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเฝ้าดูและรับรองความปลอดภัยของลูกน้อย ไปจนถึงเปลเด็กอัจฉริยะ ตัวอย่างจากบริษัท swing2sleep ที่ผู้ปกครองสามารถควบคุมเปลได้อย่างง่ายดายผ่านแอป สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว และวิเคราะห์การนอนหลับ พร้อมส่งข้อมูลโดยตรงไปยังสมาร์ทโฟน เป็นต้น ปัจจุบัน จึงนับได้ว่าเป็นยุคแห่งนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมสินค้าสำหรับเด็กทารกและเด็กอ่อน
5. Innovation Award
ในงานแสดงสินค้า Kind+Jugend 2023 ณ เมืองโคโลญจน์ เป็นงานแสดงสินค้าประเภทของใช้ ของเล่น อาหารและเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงอายุหนึ่งปีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา มีการมอบรางวัล Innovation Award สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และประสิทธิภาพในการใช้งานระดับสูง แบ่งออกเป็น 7 สาขา ดังนี้
สาขารางวัล | ชื่อสินค้า | บริษัท |
Moving & Travelling Kids | Vamos KLX | บริษัท Osann GmbH |
Moving & Travelling Kids Accessories | Minimeis Hero Parent Backpack | บริษัท Minimeis AS |
Kids Toys | Xtend Ride On | บริษัท smarTrike |
Kids Textile | B.LOVE 2-IN-1 PILLOW | บริษัท BABYMOOV GROUP |
Kids Care | Multi Cooking Divider | บริษัท SOCIALBEAN |
Kids Furniture | MoveMi | บริษัท Naolima GmbH |
Sustainability for Kids | Matratze Wind | บริษัท Träumeland GmbH |
www.kindundjugend.de
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)