หน้าแรกTrade insightเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า > เป็นเรื่องจริงหรือ ที่ Shelf ในซุปเปอร์มาร์เก็จจะว่างมากขึ้น

เป็นเรื่องจริงหรือ ที่ Shelf ในซุปเปอร์มาร์เก็จจะว่างมากขึ้น

เหตุการณ์ประท้วงของกลุ่มลูกจ้างร้าน Nahkauf ที่ตั้งใกล้กับเมือง Schwerin อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำให้กิจการของนาง Dana Hoffmann อาจต้องปิดกิจการลงได้ เพราะการประท้วงดังกล่าวได้ดำเนินต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว จนทำให้สินค้าในโกดังของร้านเริ่มทยอยหมดไป ซึ่งส่งผลให้สินค้าตามชั้นวางของต่าง ๆ ของร้านกว่า 1 ใน 4 ขาดแคลน และล่าสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ไม่มีทั้งนม ชีส ไส้กรอก และผลไม้ รวมถึงสินค้าแช่แข็ง สถานการณ์ดังกล่าวมีผลให้ยอดขายของร้านลดลง 20% หรือ 1 ใน 5 ของยอดขายตามปกติ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีนักเพราะค่าใช้จ่ายของร้านหรือบริษัทยังคงเท่าเดิม และสุดท้ายก็ทำให้นาง Hoffmann ไม่สามารถเปิดทำการร้านได้ตามปกติและต้องลดจำนวนพนักงานลง โดยนาง Hoffmann ถึงกับออกมาโอดครวญว่า “นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก” เพราะการที่ร้านฯ มีขนาดเล็กจึงไม่สามารถที่จะกักตุนสินค้าได้มาก แต่จำเป็นจะต้องพึ่งพาการจัดส่งสินค้าแบบสม่ำเสมอ เรื่องนี้นาง Hoffmann เสียหายมากและอาจกลายเป็นกรณีตัวอย่างว่า หากมีการประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานกับกลุ่มตัวแทนผู้ค้าปลีกขึ้น ไม่ใช่เฉพาะใน Schwerin เพียงที่เดียวที่ Shelf ในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะขาดแคลนสินค้าจะว่าง (หรือว่างขึ้น) แต่ร้านค้าปลีกอื่น ๆ อาทิ Edeka , Rewe , Netto และ Penny รวมไปถึงร้านขนาดใหญ่อย่าง Kaufland ก็อาจจะตกที่นั่งเดียวกับนาง Hoffmann ได้เช่นกัน เพราะหากร้านค้าปลีกเหล่านี้ขาดแคลนสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจสร้างความไม่น่าพอใจให้กับลูกค้า/ผู้บริโภคได้

ในอนาคตอันใกล้ พบว่า มีแนวโน้มที่สินค้าจำพวกผัก , ผลไม้ , เนื้อสัตว์ , ไส้กรอก , ผลิตภัณฑ์แช่แข็ง เครื่องสำอาง และกระดาษชำระ อาจขาดตลาดได้ โดยเฉพาะลูกค้าในรัฐ Bayern และฝั่งตะวันออกของเยอรมนี เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีการประท้วงขนาดใหญ่ในศูนย์กระจายสินค้าและโกดัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์โดยรวม ดังนั้นร้านค้าปลีกต่าง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักคงหนีไม่พ้นร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง ในขณะที่ร้านขนาดใหญ่จะยังอยู่ได้เพราะมีโกดังขนาดใหญ่ก็จึงสามารถจัดเก็บสินค้าได้มากกว่า อย่างไรก็ดี หากมีการประท้วงของกลุ่มสหภาพต่อผู้ค้าปลีกในช่วงคริสต์มาสอาจถือเป็นฝันร้ายมากของร้านค้าปลีก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงคริสต์มาสเป็ช่วงเวลาทำเงินนั่นเอง ซึ่งกลุ่มสหภาพแรงงานได้ออกมาประกาศว่า มีความเป็นไปได้ที่จะขยายการประท้วงออกไปเพื่อกดดันนายจ้างให้หนักขึ้น ด้านนาย Steven Haarke ผู้บริหารด้านการจัดสรรค่าจ้างของสมาคมผู้ค้าปลีกชาวเยอรมัน (HDE – Handelsverband Deutschland) ได้ออกมากล่าวว่า “ในเวลานี้เรายังไม่มีปัญหาในการจัดสรรสินค้าบริโภคให้เพียงพอในร้านค้าปลีกแม้ว่าการประท้วงจะดำเนินมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม”

สำหรับการประท้วงในแต่ละรัฐจะมีความแตกต่างกันออกไปโดยเริ่มมาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ และบางแห่งเริ่มในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาและสหภาพแรงงานของธุรกิจบริการแห่งชาติ (Verdi – Die Vereinte Dienstleistungsgewerkschaft) ได้ยื่นข้อเสนอขอรปรับค่าจ้าง (ตามภูมิภาค) เพิ่มขึ้น 13% หรือเพิ่มขั้นต่ำ 400 ยูโรต่อเดือน ในขณะที่กลุ่มนายจ้างมีข้อสรุปว่า สามารถปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้นได้แค่ 10% ในกลุ่มลูกจ้างค้าปลีก และเพิ่ม 8% ในกลุ่มผู้ค้าส่ง พร้อมทั้งจ่ายค่าชดเชยอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ Verdi ต้องการให้จ่ายเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเจรจาที่ไม่ลงตัวนี้มากที่สุด ก็คือ ลูกค้า และในระหว่างฤดูใบไม้ร่วง 2022 – ฤดูร้อนของปี 2023 ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าที่มียี่ห้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากร้านค้าปลีกเหล่านี้ประท้วงผู้ผลิตในเรื่องราคาส่งที่สูง จนทำให้ผู้ผลิตจำนวนมากระงับการส่งสินค้าให้แก่ผู้ค้าปลีก และส่งผลให้ Shelf ในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ถึงกับโล่ง แต่ยังไม่กระทบต่อผู้บริโภคมากนักเพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคจำนวนมากได้กักตุนสินค้าจำเป็นจำพวกกระดาษชำระ น้ำมันพืช พาสต้า และแป้ง ไว้บ้างแล้ว

อย่างไรก็ดี หากการประท้วงหยุดงานทอดเวลาออกไปมากเท่าไรผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เพราะบางครั้งสินค้าสดต้องถูกทำลายเพราะมันไม่สดพอที่จะขายในร้านค้าอีกต่อไป ตัวแทนสหภาพแรงงานฯ แจ้งว่า บริษัทค้าปลีกต่าง ๆ ยังคงดูสงบ และไม่มีทีท่าที่จะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งเมื่อหนังสือพิมพ์ Handelsblatt สอบถามไป ก็ได้คำตอบจาก Kaufland ว่า “มีความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าเกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ โดยจะแตกต่างกันไปแต่ละชนิดของสินค้า” ในขณะที่ Rewe ชี้แจงว่า “นี่คือเรื่องจริงที่สินค้าบางตัวขาดตลาด แต่สถานการณ์คาดว่าจะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น เพราะ Rewe มีสินค้า/ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่หลากหลาย” ในส่วนของ Edeka “พยายามอย่างเต็มที่ที่จะบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการนัดหยุดงาน และยังต้องการให้ลูกค้าได้มีควาทสุขในขณะที่ใช้เวลาเลือกซื้อสินค้าตามปกติ” ในขณะที่ทั้ง Netto และ Penny ไม่ได้ให้ข้อมูลแก่หนังสือพิมพ์ Handelsblatt เท่าไรนัก และจากการค้นหาข้อมูลของ Handelsblatt พบว่า ผู้ค้าปลีกได้ติดป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับช่องว่างในชั้นวาง อย่างที่ร้าน Rewe ในรัฐ Nordrhein-Westfalen มีข้อความระบุว่า “เนื่องจากการนัดหยุดงานดังกล่าวทำให้ในช่วงนี้อาจจะไม่สามารถซื้อสินค้าบางรายการได้”

จาก Handelsblatt 20 พฤษจิกายน 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login