ข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เดลีสตาร์ รายงานข่าวการกลับมาให้บบริการเที่ยวบินตรงระหว่าง ปากีสถาน และ บังกลาเทศ หลังจากหยุดให้บริการมานานกว่าเจ็ดปี โดยสำนักงานการบินพลเรือนของบังกลาเทศ (CAAB) ได้อนุมัติให้สายการบินเอกชนของปากีสถาน Fly Jinnah เปิดเส้นทางบินระหว่าง การาจี – ธากา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
จากความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์สู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ปากีสถานและบังกลาเทศเคยเป็นประเทศเดียวกันภายใต้ชื่อ ปากีสถานตะวันออก และ ปากีสถานตะวันตก หลังได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2490 อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษา และเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งเรื้อรัง นำไปสู่สงครามประกาศอิสรภาพของบังกลาเทศในปี 2514 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอินเดีย สงครามครั้งนั้นจบลงด้วยการแยกตัวเป็นบังกลาเทศ และกลายเป็นบาดแผลทางการเมืองที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมาอย่างยาวนาน
แม้จะได้รับอิสรภาพแล้ว บังกลาเทศยังคงมีนโยบายที่ระแวดระวังต่อปากีสถาน โดยเฉพาะในยุคของนายกรัฐมนตรี เชค ฮาสินา ซึ่งดำรงตำแหน่งยาวนานและมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับอินเดีย ส่งผลให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทูตกับปากีสถานอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเกิด การประท้วงนำโดยนักศึกษาในเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลชั่วคราวของบังกลาเทศภายใต้การนำของ มูฮัมหมัด ยูนุส หันมาให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้น และหนึ่งในแนวทางนั้นคือการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปากีสถาน
เศรษฐกิจและการค้าระหว่างปากีสถาน-บังกลาเทศ
แม้ว่าความสัมพันธ์ทางการเมืองจะมีความตึงเครียดมาโดยตลอด แต่ ปากีสถานและบังกลาเทศยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญกัน โดยในปี 2566 ปากีสถานส่งออกสินค้าไปบังกลาเทศมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บังกลาเทศส่งออกสิ่งทอและสินค้าเกษตรไปยังปากีสถานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลบังกลาเทศได้ลงนามในข้อตกลงนำเข้าข้าวจากปากีสถาน 50,000 ตัน เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่าง จิตตะกอง – การาจี ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและกระตุ้นการค้า
การกลับมาให้บริการของเที่ยวบินตรงระหว่าง การาจี – ธากา ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้าน การท่องเที่ยว การศึกษา และการลงทุน
บทบาทของศาสนาและอิทธิพลทางการเมืองในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ปากีสถานและบังกลาเทศมีประชากรส่วนใหญ่เป็น ชาวมุสลิม แต่มีความแตกต่างทางแนวคิดทางศาสนาและการปกครอง โดยปากีสถานมุ่งเน้นไปที่ รัฐอิสลามแบบอนุรักษนิยม ในขณะที่บังกลาเทศ แม้จะมีประชากรมุสลิมเป็นหลัก แต่ก็ให้ความสำคัญกับ รัฐฆราวาสและประชาธิปไตยแบบเปิดกว้าง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรอิสลามภายในบังกลาเทศมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการให้ประเทศกลับไปใช้ กฎหมายอิสลาม (Sharia Law) คล้ายกับปากีสถาน ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลชั่วคราวของบังกลาเทศเปิดรับการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปากีสถานมากขึ้น
ขณะเดียวกัน อินเดีย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของบังกลาเทศมาโดยตลอด กำลังจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิทธิพลของปากีสถานที่เพิ่มขึ้นในบังกลาเทศอาจส่งผลต่อสมดุลอำนาจในภูมิภาค
มุมมองทางการเมืองและความเป็นไปได้ในอนาคต
การกลับมาของเที่ยวบินตรง ปากีสถาน – บังกลาเทศ เป็นสัญญาณของการละลายความตึงเครียดทางการเมืองที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ แม้จะยังมีความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ แต่ทั้งสองประเทศต่างตระหนักว่าการพัฒนาเศรษฐกิจและความร่วมมือทางการค้าคือทางออกที่ดีที่สุด
หากความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศดำเนินต่อไป อาจนำไปสู่ ข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ หรือแม้แต่ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินเดีย จีน และเนปาล
สรุป: ความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานและบังกลาเทศเดินหน้าสู่อนาคต
แม้จะมีอดีตที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่ปากีสถานและบังกลาเทศกำลังเดินหน้าสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทูตที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรกของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในอนาคต หากทั้งสองประเทศสามารถรักษาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทูตได้ดี อาจมีความเป็นไปได้ที่ ปากีสถานและบังกลาเทศจะกลายเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในเอเชียใต้ไปอย่างสิ้นเชิง
ที่มา https://www.thedailystar.net/
อ่านข่าวฉบับเต็ม : เที่ยวบินตรงปากีสถาน-บังกลาเทศเตรียมกลับมาให้บริการ
