กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ Gulf Cooperation Council หรือกลุ่มประเทศ GCC เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีการพึ่งพากับการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมากซึ่งส่งผลให้เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่อหัวประชากรสูงมากในโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านี้มีข้อจำกัดทางทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิประเทศเต็มไปด้วยทะเลทรายอันแห้งแล้ง มีพื้นที่สำหรับการเกษตรเพียงร้อยละ 1.4 ของพื้นที่ทั้งหมดและขาดแคลนน้ำจืด ทำให้การทำเกษตรกรรมให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ละปีต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 80 และจากผลพวงของสงคราม โรคระบาดทำให้รัฐบาล GCC กังวลว่าวิกฤตขาดแคลนอาหารและขาดที่ดินทำกินจะมาถึงเร็วขึ้น แต่ด้วยทั้งวิสัยทัศน์และเงินทุน กลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดช่วยส่งเสริมความพยายามด้านความปลอดภัยของอาหารและเพิ่มผลผลิต เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงทางอาหาร
การนำเทคโนโลยีบางส่วนในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการเกษตรใน GCC ซึ่งปูทางไปสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรมและการลงทุน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ ได้แก่
ด้านความปลอดภัยของอาหารด้วยโซลูชั่น SaaS ที่เป็นนวัตกรรมใหม่:การรับรองความปลอดภัยของอาหารเป็นสิ่งสําคัญของการเกษตรใน GCC เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้หันไปใช้โซลูชัน Software as a Service (SaaS) เทคโนโลยีช่วยให้สามารถตรวจสอบการทําฟาร์ม คุณภาพดินและมาตรการควบคุมศัตรูพืชแบบเรียลไทม์ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจากฟาร์มเกษตรกรสามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและดําเนินการป้องกันได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้มั่นใจว่าการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง โซลูชัน SaaS ยังอํานวยความสะดวกในการตรวจสอบย้อนกลับทําให้สามารถติดตามผลผลิตจากฟาร์มไปยังอีกโต๊ะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเพิ่มผลผลิต: การทําฟาร์มด้วยเทคโนโลยี่ เช่น ไฮโดรโปนิกส์ การทําฟาร์มแนวตั้ง และการเกษตรที่มีการควบคุมสิ่งแวดล้อมกําลังถูกนํามาใช้อย่างกว้างขวาง วิธีการเหล่านี้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรลดการใช้น้ำและเพิ่มผลผลิตพืชผลสูงสุด ด้วยการควบคุมเทคโนโลยีเกษตรกรสามารถปลูกพืชหลากหลายชนิดได้ตลอดทั้งปี เอาชนะข้อจํากัด ที่กําหนดโดยสภาพภูมิอากาศและภูมิศาสตร์ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ยังช่วยลดการพึ่งพาการนําเข้าอาหารของภูมิภาคอีกด้วย ขณะนี้มีฟาร์มแนวตั้งขนาดใหญ่ลายแห่งใน GCC โดยใช้นวัตกรรมของประเทศสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ
เทคโนโลยีเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงทางอาหาร: ความมั่นคงด้านอาหารเป็นเรื่องที่รัฐบาล GCC ให้ความสำคัญเป็นหลัก เนื่องจากมีการนำเข้าอาหารร้อยละ 80 ของปริมาณอาหารที่บริโภคทั้งหมดในแต่ละปี โดยเทคโนโลยีมีบทบาทสําคัญในการบรรลุความพอเพียง ด้วยการนําระบบชลประทานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เครื่องมือการเกษตรที่มีความแม่นยําและการดัดแปลงพันธุกรรม เกษตรกรใน GCC สามารถเพิ่มผลผลิตพืชและลดการสูญเสียที่เกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยียังช่วยให้เกิดการบูรณาการใช้พื้นที่แนวตั้งทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตร ทําให้สามารถควบคุมการผลิตและการจัดจําหน่ายได้มากขึ้นและในที่สุดก็นําไปสู่ความมั่นคงทางอาหารที่ดีขึ้น
ระบบอัตโนมัติของการติดตามสินค้าคงคลังและการนับ:การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีช่วยให้กระบวนการติดตามและนับสินค้าคงคลังเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และปรับปรุงประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติตรวจสอบและจัดการสินค้าคงคลังโดยให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับระดับสต็อก เกษตรกรสามารถควบคุมการระบายของสินค้าเกษตรได้อย่างราบรื่น เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการในท้องถิ่น
การใช้อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning: อัลกอริธึม AI และ ML ให้ข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการเกษตรจำนวนมาก รวมถึงรูปแบบสภาพอากาศ ผลผลิตในอดีตและแนวโน้การใช้เซ็นเซอร์ระบบเกษตรแม่นยำฟาร์มอัจฉริยะต่อสภาพอากาศ:ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ (sensor) ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things) สู่อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยต่อการเจริญเติบโตของพืชผล ตั้งแต่การปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ การให้ปุ๋ย การป้องกันแมลง รวมทั้งการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณแสง การทําฟาร์มที่แม่นยําช่วยเพิ่มผลผลิตพืชผลในขณะที่ลดการสูญเสียทรัพยากร ส่งเสริมความยั่งยืนและความยืดหยุ่นเมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายการทำการเกษตรแบบแม่นยำด้วยโดรน:โดรนเพื่อการเกษตรได้กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สําหรับเกษตรกร โดรนเหล่านี้จับภาพโดยละเอียดของฟาร์มจากติดตั้งกล้องความละเอียดสูงและเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพของพืชและรูปแบบการเจริญเติบโต เกษตรกรสามารถระบุการระบาดของโรคการขาดสารอาหารและปัญหาการชลประทานได้ทันที ด้วยข้อมูลนี้พวกเขาสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การจัดการพืชผลและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดรนเพื่อการเกษตรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยํา และผลผลิต ซึ่งเอื้อต่อการปฏิบัติด้านการเกษตรในท้องถิ่นและยั่งยืนของตลาด เกษตรกรสามารถจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม ตัดสินใจเพาะปลูกอย่างชาญฉลาด และคาดการณ์ผลผลิตได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการคาดการณ์และผลกำไรของธุรกิจการเกษตรและช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสร้างความมั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืน
การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประเมินผลผลิตและความสมบูรณ์ของพืชผล: ภาพถ่ายดาวเทียมเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับการเกษตรใน GCC ดาวเทียมจะให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพของพืช รูปแบบการเจริญเติบโต และการประมาณผลผลิต ด้วยการจับภาพความละเอียดสูงของฟาร์ม ข้อมูลนี้ช่วยเกษตรกรในการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม ระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง และตอบสนองการระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที ภาพถ่ายจากดาวเทียมช่วยในการตัดสินใจเชิงรุก ทำให้มั่นใจได้ว่าการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตพืชผลสูงสุด
ความเห็นของ สคต.ณ เมืองดูไบ
การเปิดรับเทคโนโลยีของกลุ่มประเทศ GCC เพื่อสร้างภาคเกษตรกรรมที่ยืดหยุ่นและพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสามารถเอาชนะความท้าทายที่เกิดจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและทรัพยากรที่จำกัด ด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่องในความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี อนาคตของการเกษตรของ GCC จึงดูมีความยั่งยืนมากขึ้น และเป็นแนวทางเพื่อหล่อเลี้ยงภูมิภาคนี้ด้วยผลผลิตในท้องถิ่น
รัฐบาลหลายประเทศมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านอาหาร เริ่มคิดที่จะปรับเปลี่ยนแผนงานและนโยบายในการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ และลดการพึ่งพิงการนำเข้าจากต่างประเทศ เริ่มส่งสัญญาณความมั่นคงทางอาหารโดยให้ความสำคัญการผลิตในประเทศ ลดการนำเข้า ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารไทยควรติดตามมาตรการและแนวโน้มของตลาดคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวและเตรียมการรับมือกับสถานการณ์การลดการนำเข้าอาหารที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนี้อาจเป็นช่องทางเข้าร่วมในนโยบายส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร นวัตกรรมการเกษตร เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
**************************
Trade Arabia
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)