หน้าแรกTrade insight > อินเดียเร่งลดค่าไฟฟ้า อุดหนุนให้ร้านค้าและประชาชนใช้พลังงานแสงอาทิตย์

อินเดียเร่งลดค่าไฟฟ้า อุดหนุนให้ร้านค้าและประชาชนใช้พลังงานแสงอาทิตย์

อินเดียกำลังขยายผลเมืองต้นแบบที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไปสู่เมืองที่สอง ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการของอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ในอินเดียที่จะขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป โดยเมืองแรกที่อินเดียพัฒนาเป็นเมืองต้นแบบที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ตั้งอยู่ที่เมือง Modhera ในอำเภอ Mehsana ของรัฐคุชราต ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวอินเดียต่างเมืองมาเยือนจำนวนมากเนื่องจากเป็นที่ตั้งของวัด Sun Temple อันมีชื่อเสียงของรัฐนี้ โดยมีชาวเมืองและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ (Battery Energy Storage System: BESS) ในเมืองนี้แล้วประมาณ 1,300 ราย ส่งผลให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดค่าไฟได้อย่างน่าพอใจ และรัฐคุชราตจะขยายผลสู่เมืองถัดไปคือเมือง Dwarka ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เพื่อให้ชาวอินเดียในรัฐใกล้เคียงเดินทางมาท่องเที่ยวและได้เรียนรู้แบบอย่างของการผลิตไฟฟ้าใช้เองด้วยในเวลาเดียวกัน
โครงการของรัฐคุชราตนี้มีชื่อว่า ‘สุริยา คุชราต’ ซึ่งรัฐบาลของรัฐได้จัดสรรงบประมาณมาอุดหนุนเพื่อลดต้นทุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ รวมทั้งมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ภาคเอกชนและภาคครัวเรือนได้นำไปใช้ลงทุนติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โดยในปัจจุบัน การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์นี้มีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อกิโลวัตต์ และมีแนวโน้มจะแพงขึ้นหาก ไม่รีบเข้าร่วมโครงการ มาตรการนี้ส่งผลให้มีเจ้าของธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน ศาสนสถาน และเจ้าของบ้านเรือน ให้ความสนใจและสมัครเข้าร่วมโครงการอย่างรวดเร็ว ซึ่งการลดการปล่อยคาร์บอนไดอ็อกไซด์ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มคุณภาพอากาศ ในท้องถิ่น แต่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำปริมาณการปล่อยก๊าซที่ลดได้ไปขายเป็นคาร์บอนเครดิตให้กับผู้ผลิตและส่งออกซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกของสินค้าจากอินเดียได้ด้วย จึงเป็นการได้ประโยชน์ที่คุ้มค่าหลายต่อ
นอกจากนี้ อินเดียยังให้ภาคครัวเรือนได้มีส่วนในการลดก๊าซคาร์บอนฯ ด้วยการส่งเสริมให้เปลี่ยนการใช้เตาปิ้งแป้งจาปาตี/โรตี จากเดิมที่ใช้ก๊าซหุงต้ม เป็นเตาแบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งการใช้เตาไฟฟ้าจะให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสที่แป้งจะไหม้และก่อให้สารก่อมะเร็งทั้งในระบบทางเดินอาหารและระบบหายใจ เนื่องจากควันที่ได้จากแป้งที่เผาไหม้จะมีก๊าซไนโตรเจนไดอ็อกไซด์เกิดขึ้นด้วย ในอนาคต รัฐบาลจะออกมาตรการส่งเสริมให้ใช้เตาไฟฟ้าสำหรับการย่างเนื้อสัตว์ (Tandoori) รวมถึงมาตรการเชิงบังคับ/ลงโทษด้วย เนื่องจากการประกอบอาหารเหล่านี้ส่งผลทำให้เกิดการปล่อยก๊าซในอินเดียจำนวนมากจากภาคครัวเรือนและร้านอาหาร
ล่าสุด บริษัท Indian Oil Corporation (IOC) ได้ร่วมกับรัฐบาลอินเดียพัฒนาเตาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชื่อว่า ‘สุริยา นูทาน’ (Surya Nutan) มีราคาประมาณ 8 พันบาท และคาดว่าจะมีราคาถูกลงเมื่อมีการสั่งซื้อจำนวนมากขึ้น โดยรัฐบาลจะสั่งซื้อเตาไฟฟ้าแสงอาทิตย์นี้ไปใช้ในหน่วยงานของทหาร โรงเรียน และเรือนจำก่อนเพื่อช่วยะลดต้นทุนต่อหน่วย ทั้งนี้ จากรายงานของ India Residential Energy Survey พบว่ามีคนอินเดียจำนวนน้อยมากที่ใช้เตาไฟฟ้า ส่วนใหญ่ยังใช้พลังงานที่ได้จากถ่านไม้และขี้วัว ซึ่งหากโครงการนี้แพร่หลายออกไปในวงกว้าง จะช่วยลดการปล่อยก๊าซและทางบริษัทจะสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปขายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็น
การเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตไฟฟ้าใช้เองของผู้บริโภคและผู้ประกอบการในอินเดียยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-5 ปี อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ในอินเดียจึงยังมีความต้องการรองรับอีกจำนวนมาก โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีธุรกิจไทยก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดอินเดียเล้วคือบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในเครือ ปตท. โดยเจาะตลาดผ่านพันธมิตรที่มีเครือข่ายความร่วมมือในท้องถิ่น ทำให้ GPSC เข้าไปถือหุ้นในบริษัท Avaada Energy Private Limited และสามารถชนะการประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของรัฐมหาราชฏระได้สำเร็จ (Maharashtra State Electricity Distribution) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะให้พลังงานแก่ครัวเรือนประมาณ 7 แสนครัวเรือนและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ได้เกือบ 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลดค่าครองชีพและต้นทุนของภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงการขายคาร์บอนเครดิตด้วย ผู้ประกอบการไทยและสตาร์ทอัพที่มีความพร้อมที่จะขยายโอกาสมายังอินเดียควรศึกษามาตรการส่งเสริมการลงทุนและแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพและน่าเชื่อถือจากสมาคมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login