หน้าแรกTrade insight > อินเดียสั่งห้ามนำเข้าอาวุธเพิ่มเติมอีก 98 ชนิด ผลักดันวาระการพึ่งพาตนเองแห่งชาติ

อินเดียสั่งห้ามนำเข้าอาวุธเพิ่มเติมอีก 98 ชนิด ผลักดันวาระการพึ่งพาตนเองแห่งชาติ

อินเดียสั่งห้ามนำเข้าอาวุธเพิ่มเติมอีก 98 ชนิด ผลักดันวาระการพึ่งพาตนเองแห่งชาติ

  •  เพื่อบรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองภาคการผลิตสำหรับการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหมอินเดียได้สั่งห้ามนำเข้าอาวุธและระบบด้านการป้องกันเพิ่มเติมอีกจำนวน 98 รายการ ซึ่งเป็นการประกาศห้ามนำเข้าครั้งที่ 4 หลังจากประกาศไปเมื่อเดือนธันวาคม 2564 มีนาคม 2565 และสิงหาคม 2565 โดยครั้งนี้ครอบคลุมยานรบทหารราบแห่งอนาคต ระบบทางอากาศไร้คนขับบนเรือ ระบบสังหารที่แม่นยำระยะกลาง กระสุนหลากหลายชนิด เรดาร์ เซ็นเซอร์ และอุปกรณ์สำหรับเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล เรือรบ เฮลิคอปเตอร์ และรถถัง
  • การห้ามนำเข้าอาวุธของอินเดียจะมีผลในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 และจะยุติลงในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2572 การห้ามดังกล่าวจะครอบคลุมสิ่งของด้านการป้องกันรวมทั้งสิ้น 928 รายการ จากการประกาศรวม 4 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2564
  • การบรรลุการพึ่งพาตนเองในด้านการป้องกันและการลดการพึ่งพาการนำเข้าฮาร์ดแวร์ทางทหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอินเดียในการรักษาความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์ อินเดียแทบจะพึ่งพาเสื้อผ้าและอุปกรณ์ปีนเขานำเข้าจากที่สูงเกือบทั้งหมดมาเกือบสี่ทศวรรษ ทั้งเสื้อผ้าของกองทัพอินเดียที่มีน้ำหนักมากและเทอะทะ ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน นอกจากนั้น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ประเทศตะวันตกแย่งกันผลิตอาวุธเพื่อส่งให้ยูเครนและรัสเซีย ทำให้ไม่สามารถจัดหาเสบียงทางทหารให้ประเทศอื่นได้ อินเดียจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพึ่งพาตนเองในระบบป้องกันประเทศทางทหาร ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี Narendra Modi พยายามอย่างมากในการเจรจาบนเวทีระหว่างประเทศเพื่อดำเนินนโยบายต่างประเทศที่กล้าแสดงออก
  • ขั้นตอนการจัดหาวัสดุด้านกลาโหม จะมุ่งเน้นที่ ‘Atmanirbhar Bharat’หรือ ‘Make in India’ ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มเชิงนโยบายที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมขีดความสามารถด้านการป้องกันของชนพื้นเมืองและลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยในปี 2566-2567 งบประมาณการจัดซื้อด้านกลาโหมได้รับการจัดสรรให้กับอุตสาหกรรมผลิตภายในประเทศ สูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 75 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 68 ในปี 2565-2566

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็น

  1. อินเดียกำลังลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์จากต่างประเทศ โดยริเริ่มเชิงนโยบายที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถในการออกแบบและการผลิตขององค์กรภาครัฐ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และแม้แต่สตาร์ทอัพ เห็นได้จากรัฐบาลได้อนุมัติบริษัท/กิจการร่วมทุนจำนวน 45 บริษัท ที่ทำธุรกิจด้านการป้องกันประเทศร่วมกับบริษัท OEM ต่างประเทศ (ผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม) นอกเหนือจากการเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อความเป็นเลิศด้านกลาโหม (iDEX) เพื่อเพิ่มการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงตลอดจนการผลิตในอินเดีย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการสั่งห้ามดังกล่าวไม่ได้ช่วยกระตุ้นการผลิตในท้องถิ่นแต่อย่างใด พวกเขายังตั้งคำถามว่าอินเดียสามารถผลิตสินค้าด้วยต้นทุนเดียวกันกับสินค้านำเข้าได้หรือไม่ ซึ่งการสั่งห้ามดังกล่าวอาจรับประกันตลาดสำหรับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาตั้งโรงงานในอินเดีย แต่ในอีกด้านหนึ่งจะลดโอกาสในอนาคตของบริษัทผลิตอาวุธในอินเดียเช่นกัน
  2. โดยรวมแล้ว ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของอินเดียที่จะสร้างระบบนิเวศการผลิตด้านการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งและยั่งยืนด้วยตนเอง สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความมั่นคงของชาติและความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยการลดการพึ่งพาการนำเข้าและส่งเสริมการส่งออกอีกด้วย จากการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปกฎหมาย การส่งออกทางทหารของอินเดียจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่การนำเข้าลดลง ในช่วงระหว่างปี 2556 – 2666 การส่งออกเพิ่มขึ้น 23 เท่า (จากมูลค่า 686 เป็น 16,000 ล้านล้านรูปี) นอกจากนั้น มูลค่านำเข้าอาวุธและระบบลดลงจาก 46% ของการใช้จ่ายโดยรวมในปี 2561-2562 เป็น 36.7% ในเดือนธันวาคม 2565 โดยภายในปี 2567 – 2568 อินเดียได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกด้านสินค้าทางทหารไว้ที่ 35,000 ล้านล้านรูปี
  3. อินเดียยังคงต้องการนำเข้าโลหะและโลหะผสมที่จำเป็นสำหรับการผลิตด้านกลาโหม เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม ไทเทเนียม คิวโปรนิกเกิล ทังสเตน คอมโพสิต และเซรามิก เป็นกลุ่มวัสดุโลหะ/อโลหะหลักที่ใช้ในการผลิตการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศ
  4. นโยบาย “Buy Global Make in India” ซึ่งอนุญาตให้บริษัทอินเดียทำสัญญากับบริษัทด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่ต้องติดตั้งและสร้างระบบบนแผ่นดินของอินเดีย ถือเป็นความสำเร็จที่นำไปสู่การเติบโตของบริษัทเอกชนด้านกลาโหมของอินเดียรายใหม่ๆ เช่น Tonbo Imaging และ Solar Industries
  5. รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มเพดานการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ด้านการป้องกันประเทศจาก 49% เป็น 74% ในเดือนพฤษภาคม 66 เพื่อส่งเสริม FDI มากขึ้น โดยนโยบายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศฉบับใหม่อนุญาตให้มีการลงทุนมากถึง 74% ในภาคการผลิตด้านกลาโหม
  6. บริษัทอินเดียหลายแห่งได้ประกาศความร่วมมือกับ OEM กับบริษัทต่างประเทศ เพื่อผลิตวัสดุขั้นสูงสำหรับการบินและอวกาศ ทั้งนี้ การร่วมทุนกับบริษัทอินเดียในการจัดหาวัตถุดิบหรือเทคโนโลยีน่าจะเป็นโอกาสที่ดีต่ออุตสาหกรรมไทยทั้งด้านการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ รวมถึงผลิตชิ้นส่วนสินค้าด้านกลาโหมต่างๆ ที่อาจสร้างความร่วมมือ ทั้งด้านการวิจัย พัฒนาต้นแบบ รับรองมาตรฐาน ผลิตและจำหน่าย ทางด้านการทหารและทางการพาณิชย์

ที่มา:

https://economictimes.indiatimes.com/news/defence/india-announces-fresh-positive-indigenisation-list-to-boost-domestic-defence-manufacturing/articleshow/104166949.cms?from=mdr

https://www.hindustantimes.com/india-news/india-imposes-ban-on-import-of-98-weapons-101696447095934.html

https://www.wionews.com/india-news/india-releases-fresh-indigenisation-list-bans-imports-of-98-weapons-642815

https://www.tpci.in/indiabusinesstrade/news_buzz/indias-defence-manufacturing-push-import-ban-on-98-weapons/#:~:text=The%20defence%20minister%20has%20announced,self%2Dsufficiency%20in%20defence%20production.

Login