เนื้อหาสาระข่าว: คณะกรรมการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดของ Whole Foods Market ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายจัดซื้อและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารรวมกว่า 50 คน ได้ออกมาแนะนำอาหารที่มีแนวโน้มจะมาแรงในปี 2024 ซึ่งหมายถึงว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น จะคอยจับตา สิ่งเหล่านี้ ในการจัดซื้อสินค้าใหม่เข้าร้าน โดยสรุป มีดังนี้
-
-
- สินค้าอาหารจากพืช (Plant-based) ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น และมีส่วนผสมที่มีความซับซ้อนลดลง พืชให้โปรตีนที่กำลังมาแรง อาทิ เห็ด ถั่ววอลนัท เทมเป้ (ถั่วเหลืองหมัก) และถั่วจากฝักอื่นๆ นมจากพืชก็จะมาแรงด้วย โดยบางแบรนด์จะมีส่วนผสมแค่ 2 อย่างเท่านั้น
- โกโก้ (Cacao) ทั้งหมด ทั้งผลผลิต ผลพลอยได้และของเหลือจะถูกพัฒนาเป็นสินค้าต่างๆ มากขึ้น
- บักวีท (Buckwheat) เป็นที่รู้จักในฐานะพืชที่ใช้ปกป้องหน้าดิน และเป็นเมล็ดพืชที่อุดมด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไฟเบอร์ เชื่อว่าจะได้เห็นบักวีทมากขึ้น ทั้งในรูปแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว นมจากพืช ขนมขบเคี้ยวและอาหารเช้าอื่นๆ
- อาหารทะเลจากพืช จะเป็นโอกาสที่อาหารทะเลจากพืชได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยรสชาติและมวลเนื้อ (Texture) ที่เหมือนจริงขึ้นมาก โดยแครอทจะนำมาใช้แทนแซลมอนรมควัน เห็ดจะมาแทนหอยพัด (Scallop) และเส้นบุก (Konjac) จะถูกใช้ทำอาหารจานปลาดิบมากขึ้น
- การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน สินค้าทุกชนิดไม่ใช่เฉพาะอาหาร จะเน้นประชาสัมพันธ์ถึงบทบาทของแบรนด์ในการอนุรักษ์น้ำ การนำน้ำจากการเกษตรที่ต้องทิ้งกลับมาใช้ การเกษตรที่ถนอมคุณค่าของดินและประหยัดน้ำ รวมถึงการฟื้นสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ และการป้องกันส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เหลือใช้ต่างๆ เข้าสู่เส้นทางน้ำตามธรรมชาติ
- อาหารรสจัด การตอบรับรสชาติเผ็ดซึ่งเป็นของแปลกใหม่สำหรับคนอเมริกันส่วนใหญ่เริ่มขยายตัวมากขึ้น บรรดาพริกชื่อดังจากทั่วสารทิศในรูปแบบต่างๆ ทั้ง พริกสด ทั้งเม็ด ป่นและดอง และยังมีคลื่นลูกใหม่อย่างซอสจิ้มแบบเผ็ด และพริกทอด แม้แต่เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของพริกก็จะไปไกลกว่าแค่ชาหมัก (Kombucha) น้ำพืชผักแบบสกัดเย็น (Cold-pressed) น้ำผักผลไม้คั้น หรือปั่น และยังมีแบบบรรจุกระป๋อง แม้แต่ซอส Tajin (ซอสเม็กซิกันมีส่วนผสมของพริก มะนาวและเกลือ) ก็ยังขยายออกจากหมวดของทานเล่นไปใช้กับปลาดิบ ของหวาน ฯลฯ
- อาหารเส้น (บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ราเมน) แบรนด์ต่างๆ จะเพิ่มทางเลือกหลากหลายรสชาติพร้อมปรุงง่ายๆ ไว้รับประทานที่บ้านได้ง่ายๆ กันมากขึ้น
- อาหารแบบหรูเล็กๆ ได้รับอิทธิพลมาจากการนำเสนอแบบ TikTok ที่นำสิ่งดีๆ น่าสนใจ น่าพอใจมาให้ชมกันแบบสั้นๆ แนวโน้มที่แบรนด์ต่างๆ จะทำตลาดกันก็จะออกมาแนวนี้ ด้วยการนำอาหารหรือเครื่องดื่มพิเศษๆ มาจำหน่ายสำหรับบริโภคคนเดียวเล็กๆ น้อยๆ
- อาหารบำรุงสุขภาพตามวงจรชีวิตสตรี อาหารหรือเครื่องดื่มที่ตอบสนองความต้องการของสตรีโดยเฉพาะในแต่ละช่วงของวงจรการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาทิ ช่วงมีประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ ช่วงหลังคลอด ช่วงหมดประจำเดือน ตัวอย่างเช่น ขนมสำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน แสดงในงานแสดงสินค้าอาหาร
- เครื่องดื่มให้พลังงานที่บำรุงสุขภาพ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนยุคใหม่ จะไม่เพียงแค่กระตุ้นให้ตื่นเท่านั้น แนวโน้มเช่นนี้อาจเรียกว่า “คาเฟอีนสะอาด” ที่เน้นส่งเสริมสุขภาพและใช้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติแท้ๆ เครื่องดื่มให้พลังงานต่อไปนี้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
-
บทวิเคราะห์: Whole Foods Market คือเครือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารจากธรรมชาติและจากการเกษตรอินทรีย์เป็นพิเศษ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Austin รัฐเทกซัส บริหารจัดการซุปเปอร์มาร์เก็ตกว่า 500 สาขาครอบคลุมทั่วสหรัฐฯ แคนาดาและสหราชอาณาจักร ขณะนี้ถือเป็นบริษัทในเครือของ Amazon ด้วยสถานะเช่นนี้ ก็น่าจะยืนยันได้ว่าการประเมินตลาดของ 50 ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานฝ่ายจัดซื้อในคณะกรรมการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดของ Whole Foods Market มีน้ำหนักพอที่จะเชื่อถือได้ ไม่มากก็น้อย และด้วยอำนาจกำลังซื้อของเครือข่ายเอง ก็ยังอาจเป็นได้ไม่ใช่เพียงผู้ประเมินเท่านั้น แต่ยังอาจถึงขั้นชี้นำตลาดได้ด้วยซ้ำ และจากแนวโน้มทั้ง 10 ดังกล่าวที่ทีมงานของ Whole Foods Market ประเมิน จะกลายไปเป็นรายการสั่งซื้อที่อย่างน้อยๆ ก็สำหรับเพื่อจำหน่ายภายในเครือข่ายของตนเองสำหรับปี 2024 ค่อนข้างจะแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าจะมีกระแสตีกลับในบางสินค้าในโอกาสต่อไป
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: เมื่อพิจารณาดูคำทำนายดังกล่าว เชื่อว่าผู้ประกอบการไทยทั้งที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหาร น่าจะพอเห็นโอกาสในการผลิตเพื่อสนองความต้องการตลาดได้กันบ้างแล้ว ขอยกมาเพียงบางสินค้าที่พอจะเห็นว่าเป็นโอกาสของไทยเราบ้างแล้ว ดังนี้
ข้อ 1 กับข้อ 4 คืออาหาร Plant-based และโดยเฉพาะประเภทของอาหารทะเล ผู้ผลิตไทยน่าจะเป็นรายต้นๆ ในโลกที่ให้ความสนใจทำการวิจัยและพัฒนา ปรุงแต่งอาหารจากพืชให้มีรสชาติและมวลเนื้อใกล้เคียงกับอาหารทะเลได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา และเนื้อปลาหมึก และได้ข่าวว่าบางรายสามารถทำได้ถึงขั้นที่สินค้าสามารถวางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้าได้ยาวนานมากขึ้นโดยไม่ต้องแช่เย็นหรือแช่แข็ง ซึ่งในปี 2024 เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
ข้อ 6 ชัดเจนมาก ว่าอาหารไทยเป็นอาหารรสจัด ที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก รายการอาหารที่ผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลกรู้จักกันดี ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรายการที่มีรสจัดแทบทั้งสิ้น อาทิ ส้มตำ ต้มยำ ต้มข่า แกงไก่ ผัดกระเพรา ผัดขี้เมา ฯลฯ แม้หลายๆ ร้านในสหรัฐฯ จะปรุงให้รสเผ็ดเจือจางเพียงใด แต่อาหารไทย ก็มีเครื่องเทศอย่างอื่นที่ให้ความเข้มข้นอยู่ดี อีกทั้งการรักษาดุลของสามรสชาติหลัก หวาน เปรี้ยวและเค็มทำให้มีรสชาติจัดจ้านในตัวเองอยู่แล้วด้วย อีกทั้งอาหารตามร้านก็มักจะมีระดับความเผ็ดให้เลือก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำท้าทายผู้บริโภคถึงความพร้อมที่จะขยับเข้าใกล้รสชาติไทยแท้จริงได้ ในเรื่องนี้ เชื่อว่าหากใช้ความสร้างสรรค์บวกกับโอกาสเข้าร่วมแสดงสินค้าในรูปแบบ Gastronomy ระดับชาติในสหรัฐฯ ให้ผู้บริโภคและผู้ซื้อได้มีโอกาสลิ้มลองบ่อยขึ้น เชื่อว่าโอกาสมาถึงแล้ว และเชื่อมโยงถึงข้อ 7 ก็เชื่อว่ามีก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่สำเร็จรูปหลายๆ แบรนด์ หลายๆ รสชาติ ของไทย รวมถึงโรงงานที่รับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์ของผู้ซื้อในสหรัฐฯ ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ รวมถึงจะมีความหลากหลาย
ข้อ 8-10 นั้นขอรวบไว้รวมกันเลย เพราะคนไทยกันเองเราก็ต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า อาหารไทยนั้นมีพืชผักสมุนไพรสอดแทรกอยู่แทบทุกจาน ที่เรียกว่าสมุนไพรได้ ก็เพราะพืช ผัก ผลไม้ เครื่องปรุงและเครื่องเทศไทยแต่ละชนิด ก็ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณทางยาบางประการดังที่ผู้หลักผู้ใหญ่ ตำรายาพื้นบ้าน ตำรับยาหลวง ฯลฯ ที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้านและสังคมชั้นสูงในสมัยก่อน บันทึกไว้เป็นกิจจะลักษณะมากมาย มีทั้งรักษาและป้องกัน โรคลม โรคกษัย บำรุงครรภ์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่บ้างแต่ก็ยังต้องทำการบ้านกันเพิ่มอยู่ดี อาทิ การเรียนรู้รสนิยมของผู้บริโภคในตลาดเป้าหมาย กลยุทธในการหาช่องทางให้ผู้บริโภคและผู้ซื้อได้มีโอกาสทดลองชิม และทำความรู้จักมากขึ้นนั้นก็สำคัญยิ่ง นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีของสมุนไพรไทยหลายๆ ตำรับ หากเทรนด์มาแล้ว แต่สินค้าไทยไม่มา เมื่อเทรนด์เริ่มร้างรา อยากจะมาก็อาจสายไป
*********************************************************
ที่มา: Storebrands เรื่อง: “Whole Foods IDs Top 2024 Food & Beverage Trends” โดย: Greg Sleter สคต. ไมอามี /วันที่ 20 ตุลาคม 2566
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)