อัตราเงินเฟ้อออสเตรียในเดือนเมษายนที่ผ่านมากลับทิศทางมาสูงขึ้นอีกครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจต่างออกมาเตือน เนื่องจากพัฒนาการในช่วงที่ผ่านมาผลักดันให้ออสเตรียขึ้นมาเป็นประเทศที่มีราคาสินค้าแพงเป็นอันดับที่ 4 ของสหภาพยุโรป ตามหลังลักเซ็มเบอร์ก ฟินแลนด์ และไอร์แลนด์ ซึ่งระดับราคาในออสเตรียสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มยูโรโซน 9.6% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป (27 ประเทศ) ถึง 15% นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดอย่างเยอรมนี ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระดับสูงมาก พบว่าออสเตรียแพงกว่า 7.7% ซึ่งแม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้าแต่ยังคงทิ้งช่วงห่างอยู่มาก ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมามีการเก็บสถิติระดับราคาสินค้าในประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีแรกราคาสินค้าในออสเตรียและเยอรมนีอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างกันมาก โดยเยอรมนีอยู่ในอันดับ 8 และออสเตรียอยู่ในอันดับ 7 ของอียู หลังจากผ่านมา 20 ปีพบว่าเยอรมนียังคงอยู่ในอันดับเดิม ขณะที่ ออสเตรียเลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับ 4 เมื่อพิจารณาแยกรายสินค้ายิ่งพบความแตกต่าง โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ซึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน ราคาอาหารในออสเตรียแพงกว่าเยอรมนีราว 4 – 5% แต่ปัจจุบันมีช่วงห่างของราคาราว 20% กอปรกับพัฒนาการของอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาจึงสร้างความกังวลว่าออสเตรียอาจจะเลื่อนขึ้นไปเป็นประเทศที่มีราคาสินค้าแพงเป็นอันดับที่สามของอียูในไม่ช้า
ที่มา: นสพ. Krone Zeitung
ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นสำนักงานฯ
ออสเตรียเป็นตลาดขนาดเล็ก โดยปกติจึงมีราคาสินค้าและบริการสูงกว่าในตลาดขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี ระดับรายได้ของประชากรในออสเตรียก็สูงกว่าด้วยและได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมทุกปี ในความเป็นจริงจึงไม่กระทบต่อกำลังซื้อมากนัก ตราบเท่าที่ยังสามารถจัดสมดุลระหว่างดัชนีราคาและอัตราค่าจ้างได้ มองอีกมุมถือว่าเป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับสินค้าราคาสูง ซึ่งเน้นคุณภาพและมูลค่ามากกว่าปริมาณ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา
พฤษภาคม 2566
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)