เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 สหพันธ์ข้าวเมียนมาประกาศว่า จะขายข้าวสำรองที่อยู่ภายใต้ความร่วมมือของบริษัทส่งออกและโครงการอื่นๆ ให้กับตลาดท้องถิ่นโดยเร็วที่สุดเพื่อควบคุมราคาที่พุ่งสูงขึ้น โดยสหพันธ์ข้าวเมียนมาประกาศให้ขายข้าวสายพันธุ์ Emahta (ข้าวขาวหักร้อยละ 25 ขัดสีและคัดแยก) ในอัตราต่ำกว่า 60,000 จ๊าตต่อ 1 ถุงในระยะแรก
ในระยะแรก จะขายข้าวประมาณ 50,000 ถุง ถุงละ 50 กิโลกรัม (ข้าวหักร้อยละ 25 ขัดสีและคัดแยก) และปริมาณข้าวจะเพิ่มขึ้นหากมีความจำเป็น
ภายใต้คำแนะนำของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา สหพันธ์ข้าวเมียนมาได้พยายามและมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดข้าว การลงทะเบียนจัดเก็บข้าวอย่างเป็นระบบ ตลาดที่มีความยุติธรรม และความมีเสถียรภาพของราคาโดยการนำของภาคเอกชน
เมียนมาประสบความสำเร็จในการปลูกข้าวด้วยตนเองและมีเพียงข้าวส่วนเกินเท่านั้นที่จะถูกส่งออกอย่างเป็นระบบ ปัจจุบันนี้ การเพาะปลูกข้าวจะเป็นการเพาะปลูกในเขตพะโคตะวันตกและภาคกลางของเมียนมา โรงสีข้าวสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่เนื่องจากได้รับการสนับสนุนเกี่ยวกับการจ่ายกระแสไฟฟ้า ดังนั้นการผลิตจึงเพียงพอต่อการบริโภค อย่างไรก็ตาม มีผู้กำลังแพร่กระจายข่าวลือในแง่ลบและข่าวปลอมเพื่อกระตุ้นความกังวลของผู้บริโภคและสร้างความตื่นตะหนกในการกักตุนสินค้า สหพันธ์ฯ จึงขอให้ผู้บริโภคหยุดการกักตุนสินค้า ซื้อสินค้าเมื่อมีความต้องการเท่านั้น
ศูนย์ค้าส่งข้าวเมียนมา (วาดัน) รายงานว่า ราคาข้าวกำลังสูงขึ้น และราคาข้าวคุณภาพสูงสายพันธุ์ Pawsan จากพื้นที่ชเวโบ พุ่งสูงขึ้นเป็น 130,000 จ๊าตต่อถุง ราคาข้าวพันธุ์อื่นก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน ราคาข้าวเก่าสายพันธุ์ Pawsan เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 จ๊าตต่อถุง ราคาพันธุ์ Kyarpyan สูงขึ้นเป็น 96,000 ถึง 97,000 จ๊าต ต่อถุง ราคาข้าวขึ้นอยู่กับพื้นที่การผลิต (เมียงเมีย ปะเต็น เปียพอน และภูมิภาคอื่นๆ) จากการรายงานของศูนย์ค้าส่งข้าวเมียนมา (วาดัน) ราคาข้าวพันธุ์ Kunni เพิ่มเป็น 86,000 จ๊าตต่อถุง ราคาข้าวพันธุ์ Ngasein 65,000 จ๊าต ราคาข้าวพันธุ์ Pawkywe 86,000 จ๊าต ราคาข้าวที่ปลูกในระบบการปลูกพืชผสมผสาน ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 66,000 จ๊าต และ ข้าวใหม่พันธุ์ Pawsan ราคาเพิ่มเป็น 96,000 จ๊าต
สหพันธ์ข้าวเมียนมาพยายามรักษาเสถียรภาพของราคาข้าวและควบคุมราคาในตลาดให้เหมาะสม สหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมาจะจับมือกับโรงสี ผู้ค้าข้าว และบริษัทต่างๆ อีกทั้ง สหพันธ์ข้าวเมียนมาเรียกร้องให้สร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ระยะสั้นและระยะยาวในการซื้อขายข้าว อ้างอิงจากประกาศของสหพันธ์ข้าวเมียนมา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566
เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 สหพันธ์ข้าวเมียนมาประกาศว่า ผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือที่สร้างความเสียหายแก่อุตสาหกรรมข้าวบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างความกังวลต่อผู้บริโภคและขึ้นราคาข้าว สหพันธ์จะส่งรายชื่อบุคคลเหล่านี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมควรที่จะร่วมมือกันในเรื่องดังกล่าว
********************************************
ที่มา: Global New Light of Myanmar
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง
วันที่ 11 สิงหาคม 2566