หน้าแรกTrade insight > ผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้นติดต่อกันหลายเดือน

ผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้นติดต่อกันหลายเดือน

ผู้บริโภคใช้จ่ายไปกับอาหาร เสื้อผ้าและร้านค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคม

เนื้อหาสาระข่าว: ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีการใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 0.729 ในเดือนกรกฎาคมและถือว่าสูงที่สุดนับจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ปรากฎว่ามีการใช้จ่ายที่สูงขึ้นในหลายหมวดสินค้าและบริการ รวมถึง สถานบันเทิงยามราตรี ร้านอาหาร สินค้าสำหรับช่วงเปิดเทอมใหม่และร้านค้าออนไลน์ การขยายตัวครั้งนี้ล้ำหน้าเกินกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2 ซึ่งอาจมีผลมาจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังคงแข็งแกร่งอาจจะด้วยเหตุที่คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยุติหรือชะลอการปรับขึ้น อันเนื่องมาจากการประกาศอัตราเงินเฟ้อที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงและตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
หมายเหตุ: ปรับตามฤดูกาลแล้ว

แม้จะมีแนวโน้มที่ดีดังกล่าว แต่สำหรับ Home Depot ซึ่งเป็นศูนย์ค้าปลีก/ส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างตกแต่งบ้าน ยังเชื่อว่ายังมีปัจจัยหลายอย่างที่มีความไม่แน่นอนสูง เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงคาดว่ายอดขายของบริษัทฯ จะหดตัวลง เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงเช่นในขณะนี้ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงอาคารบ้านเรือนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

บทวิเคราะห์: ดูเหมือนว่าความพยายามในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสัมฤทธิผลได้ดีในระดับที่น่าพอใจ โดยอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2023 อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ขยับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด เหลือเพียงร้อยละ 3 และยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.3 และต่ำกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมปีก่อน (8.5%)

และเมื่อพิจารณาแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่เคยขึ้นไปถึงจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายนปีก่อนที่ระดับร้อยละ 9.1 แล้ว จะเห็นว่ามีระดับลดลงมาอย่างต่อเนื่องในรอบ 12 เดือน นับว่ามาตรการต่างๆ ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ นำมาใช้ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม เดือนกรกฎาคมก็ต้องนับว่าเป็นเดือนแรกที่อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ลดลงมาตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

พิจารณาถึงรายละเอียดพบว่า อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับเดือนก่อนแล้วสูงขึ้นเพราะปัจจัยราคาน้ำมันที่ลดลงน้อยกว่าในเดือนก่อน ตารางต่อไปนี้เทียบความเคลื่อนไหวของดัชนีราคาของหมวดสินค้าต่างๆ เทียบเดือนนี้กับเดือนก่อน

ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.4 เทียบเดือนก่อนที่ลดลง (-0.1%) อันเป็นผลจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นในเดือนกรกฎาคมและเทียบกับปีก่อนนี้ ราคาสินค้านำเข้าลดลงร้อยละ 4.4  ส่วนดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 0.7 เทียบเดือนก่อน (-0.7%) และในรอบ 1 ปีลดลงร้อยละ 7.9 และดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นร้อยละ 0.3 (สินค้าสูงขึ้น 0.1%/บริการสูงขึ้น 0.5%) เทียบเดือนก่อนและสูงขึ้นร้อยละ 0.8 ในรอบ 1 ปี

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: หากแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางลดลงเช่นในช่วง 12 เดือนก่อนหน้านี้ และการที่อัตราเงินเฟ้อกลับเผยอขึ้นมาอีกในเดือนกรกฎาคม โดยไม่ใช่จุดตั้งต้นของการขยับตัวสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ก็พอจะมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกแล้ว และพอจะเห็นแนวโน้มช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาในระดับความเร็วที่จะไม่กระชากให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้งในอนาคต โดยที่ดัชนีความมั่นใจการบริโภคและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงแข็งแกร่งปรับตัวสูงขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดีในเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจากสำนักใหญ่ๆ ระดับโลกต่างพากันเชื่อว่าสหรัฐฯ จะกำลังเดินเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และดูเหมือนว่าช่วงวิกฤติที่ยากลำบากที่สุดจะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขณะที่ยังไม่มีการประกาศว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการถดถอยแล้วหรือไม่ และในไตรมาสถัดไปจากคำทำนายของหลายๆ สำนักเมื่อปีก่อน ก็ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกันว่าจะปรับตัวดีขึ้นจนสามารถไปชดเชยภาวะถดถอยอันเลวร้ายในช่วง 2 ไตรมาสแรกแล้วกลับมาเสมอตัวได้ในตอนปลายปี ซึ่งไตรมาสที่ 3 และ 4 ในสหรัฐฯนี้ ก็ถือว่ากำลังมุ่งหน้าสู่ช่วงเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยกันหนักๆ เชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการจากหลายๆ แหล่งผลิต นอกจากจีน รอคอยใบสั่งซื้อและหลายๆ รายอาจเลยไปถึงขั้นกำลังแพ๊กของลงเรือเตรียมไปส่งกันแล้วไม่มากก็น้อย และแม้หลายๆ ฝ่ายยังมองว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยังไม่อาจนำมาสรุปว่าประสบชัยชนะแล้วก็ตามที แต่เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา Jerome Powell ก็ออกมาประกาศว่า เจ้าหน้าของธนาคารกลางสหรัฐฯ เชื่อว่าสหรัฐฯ จะรอดพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้ แม้จะต้องคอยระมัดระวังราคาที่อาจพุ่งสูงขึ้นมาอีกได้ในระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราการว่างงานสูงขึ้นและการขยายตัวของรายได้ชะลอตัวลง ก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาถึงสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เลิกทำนายว่าสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่อีกนานเท่าใด การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมา ความมั่นใจทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมา กลุ่มธุรกิจต่างๆ ก็จะกลับมาเร่งลงทุนขยายธุรกิจให้เร็วขึ้น เพื่อช่วงชิงตลาดผู้บริโภค เมื่อนั้นตลาดสหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาแข่งขันได้ก่อนตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคสำคัญของโลก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรที่จะเตรียมตัวปรับปรุง พัฒนาและค้นหาสินค้าใหม่ๆ ออกมาเพื่อรองรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีหน้า 2567

*********************************************************

ที่มา: The Wall Street Journal
เรื่อง: “Shoppers Boost Retail Sales for Fourth Straight Month”
โดย: Harriet Torry & Christian Robles
สคต. ไมอามี /วันที่ 15 สิงหาคม 2566

ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)

Login