ผู้นำเข้าข้าวและรัฐบาลสิงคโปร์กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มการนำเข้าข้าวประเภทต่างๆ จากหลายประเทศ หลังจากที่อินเดียได้ระงับการส่งออกข้าวขาว ที่ไม่ใช่ข้าวขาว
บาสมาตี โฆษกสำนักงานอาหารสิงคโปร์ (Singapore Food Agency : SFA) กล่าวว่า SFA ได้ติดต่อทางการอินเดีย เพื่อขอยกเว้นจากการระงับส่งออกครั้งนี้ ทั้งนี้ อุปทานข้าวโดยรวมในสิงคโปร์ยังคงมีเสถียรภาพเพียงพอ หากประชาชนซื้อในปริมาณที่จำเป็นต่อการบริโภค เนื่องจากสิงคโปร์มีกลยุทธ์หลากหลายแนวทางในการกระจายการนำเข้า และการสำรองสินค้าคงคลังเทียบเท่ากับการนำเข้าสองเท่าต่อเดือน ภายใต้โครงการคลังเก็บข้าว (The Rice Stockpile Scheme) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีสินค้าข้าวเพียงพอในตลาด และจะเป็นการรับมือ หากเกิดปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในการนำเข้าข้าว และนอกจากนี้ สิงคโปร์ยังกระจายและนำเข้าข้าวจากกว่า 30 ประเทศ
ในปี 2565 สิงคโปร์นำเข้าข้าวขาวจากอินเดียคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% โดยการนำเข้าข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาตี ที่ได้รับผลกระทบจากการระงับนี้ คิดเป็น 17% ของข้าวขาวที่นำเข้ามาในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้สั่งระงับการส่งออกข้าวขาว ที่ไม่ใช่ข้าวขาวบาสมาตีเพื่อรักษาราคาข้าวขาวในประเทศให้อยู่ในราคาที่จับต้องได้ (ในปี 2566 ราคาข้าวขายปลีกในเดลีสูงขึ้น 15% ขณะที่ราคาเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้นมากกว่า 8%) ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในต้นปี 2567 รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า การส่งออกข้าวจะได้รับอนุญาต หากมีคำขอจากรัฐบาลที่ต้องการจัดการปัญหาเรื่องความมั่นคงทางอาหาร
โฆษก DFI Retail Group ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ขึ้นราคาข้าวอินเดีย และความต้องการ ข้าวขาวอินเดียยังคงทรงตัว ยกเว้นในสัปดาห์ที่มีการประกาศการระงับการส่งออกฯ ส่งผลให้ความต้องการข้าวขาวอินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะนี้ ทางบริษัทฯ กำลังติดตามสถานการณ์และทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ที่หลากหลายของบริษัท เพื่อให้ได้ราคาข้าวอินเดียที่เหมาะสม
โฆษกร้านค้าปลีกในสิงคโปร์ Mustafa’s กล่าวว่า มีการซื้อของอินเดียในร้านค้าด้วยความตื่นตระหนก แต่ในขณะนี้สถานการณ์ได้กลับสู่สภาวะปกติ และทางร้านได้สั่งซื้อข้าวอินเดียไปก่อนที่จะมีการระงับการส่งออก
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
การระงับการส่งออกข้าวของอินเดียครั้งนี้ ส่งผลให้อุปทานข้าวขาวทั่วโลกตึงตัวขึ้น เนื่องจากอินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก และอาจก่อให้เกิดความไม่มั่นคงทางด้านอาหารในหลายประเทศ สิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เช่นกัน เพราะสิงคโปร์นำเข้าข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าว
บาสมาตีจากอินเดียคิดเป็น 17% ของปริมาณการนำเข้าข้าวทั้งหมดของสิงคโปร์ จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทย เพราะผู้นำเข้าสิงคโปร์อาจจะมองหาแหล่งซัพพลายเออร์อื่นเพื่อทดแทน อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการควรศึกษาวิธีการข้อกำหนดด้านกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าอาหารของสิงคโปร์ ความปลอดภัยในกระบวนการผลิต การแปรรูป เพื่อการผลิตและส่งออกที่ได้มาตรฐานและติดตามสถานการณ์แนวโน้มตลาดของสินค้าดังกล่าว เพื่อแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดต่อไป
ที่มา : https://www.straitstimes.com/singapore/singapore-importers-working-to-boost-imports-after-indian-export-ban-on-non-basmati-rice-sfa
