ผอ. สนค. ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรนำเสนอความก้าวหน้าและความสำเร็จโครงการที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) "โครงการประยุกต์ใช้ Blockchain ยกระดับเศรษฐกิจการค้า"
(ระบบ TraceThai ตรวจสอบย้อนกลับด้วยเทคโนโลยี Blockchain นำร่องสินค้าข้าวอินทรีย์)
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรนำเสนอความก้าวหน้าและความสำเร็จโครงการที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) "โครงการประยุกต์ใช้ Blockchain ยกระดับเศรษฐกิจการค้า" (ระบบ TraceThai ตรวจสอบย้อนกลับด้วยเทคโนโลยี Blockchain นำร่องสินค้าข้าวอินทรีย์) ในการประชุมชี้แจงผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ณ โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ โดยมีกลุ่มผู้เข้าร่วมงานจากหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับงบ
ประมาณจากแผนบูรณาการอุตสาหกรรมฯ ประกอบด้วย 44 โครงการ 17 หน่วยงาน (จาก 8 กระทรวง 1 รัฐวิสาหกิจ)
โครงการ Best Practice ของหน่วยงานที่ได้รับคัดเลือก ประกอบด้วย 4 โครงการ (จาก 44 โครงการ) ได้แก่
1. โครงการประยุกต์ใช้ Blockchain ยกระดับเศรษฐกิจการค้า โดย สนค.
2.โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช.
3.โครงการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเกษตรสมัยใหม่ โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)
4.โครงการยกระดับสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.)
โครงการประยุกต์ใช้ Blockchain ยกระดับเศรษฐกิจการค้า เป็นโครงการที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากการเริ่มนำเทคโนโลยีมาสร้างจุดเด่นให้การตรวจสอบย้อนกลับมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า โดยปัจจุบันมีกลุ่มนำร่องระยะที่ 1 จากเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร/ผู้ประกอบการ จำนวน 17 ราย/กลุ่ม รวม 8 จังหวัด (นครปฐม สุพรรณบุรี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และอำนาจเจริญ) นอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ โดยมีพันธมิตรสำคัญคือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งได้ลงนาม MOU ร่วมกับ สนค. เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 63 เพื่อร่วมกันขยายผู้ใช้งานเข้าสู่ระบบ TraceThai ในระยะต่อไป ทั้งข้าวอินทรีย์และสินค้าเกษตรอินทรีย์อื่นๆ ที่ได้ใบรับรองมาตรฐานอินทรีย์จากผู้ตรวจรับรอง (CB : Certify Body)
ที่มา : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)