หน้าแรกTrade insightยานยนต์เเละส่วนประกอบ > ประเมินความเป็นไปได้ของการสไตรค์ที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกและบนอ่าวภาคใต้สหรัฐอเมริกา

ประเมินความเป็นไปได้ของการสไตรค์ที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกและบนอ่าวภาคใต้สหรัฐอเมริกา

สัญญาหลัก (Master Contract) ระหว่าง United States Maritime Alliance (USMX) ตัวแทนพนักงานท่าเรือบนฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (East Coast ports) และท่าเรือตามชายฝั่งอ่าว (Gulf Coast)  และ International Longshoremen’s Association (ILA) สหภาพแรงงานคนงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมเดินเรือในทวีปอเมริกาเหนือ จะหมดอายุลงในวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นเจรจาการต่อสัญญามาตั้งแต่ปี 2565

 

ข้อเสนอล่าสุดของ USMX คือ การเพิ่มค่าจ้างขั้นต้นสำหรับพนักงานเข้าใหม่ ขึ้นค่าจ้างพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว เพิ่มเงินที่นายจ้างช่วยสนับสนุนในกองทุนเกษียณและในผลประโยชน์ต่างๆที่เป็นของท้องถิ่น ยังคงจัดหาประกันสุขภาพชั้นดีเลิศให้พนักงาน และ ยังคงรักษาระดับของเทคโนโลยี่ที่ใช้ในการทำงานปัจจุบันให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นโดยยังคงคุ้มครองแรงงานและชั่วโมงการทำงานของลูกจ้างไว้เช่นเดิม

 

ILA ยืนยันว่า USMX ยังคงไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ ILA ระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากและต้องการให้แก้ไข คือ

 

1. เรื่องการใช้ Autogate ใน TIR Lanes (TIR = Transports Internationaux Routiers – International Road Transport) ซึ่ง ILA ยืนยันว่าเป็นการฝ่าฝืน Master Contract และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุก port ในสหรัฐฯ

 

2. ความเห็นในเรื่องเศรษฐกิจที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่าง USMX และ ILA จนไม่สามารถตกลงกันได้ มีรายงานว่าสมาชิก ILWU มีรายได้ประมาณ 200,000 เหรียญฯต่อปี แต่สมาชิก ILA ได้รับน้อยกว่า เช่น สมาชิก ILA ที่ท่าเรือ New York/New Jersey ระบุว่ามีรายได้เพียงร้อยละ 55 ของรายได้ที่สมาชิก USMX ได้รับ

 

หากไม่สามารถทำสัญญาใหม่ได้ภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 การสไตร์คหยุดงานเกิดขึ้นทันทีในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอาจเหมือนผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของกลุ่มกบฎ Houthi  คือ

 

1. พนักงานของสหภาพ ประมาณ 14,500 คน ที่ทำงานที่ท่าเรือบนฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (East Coast)  และบนอ่าว (Gulf Coast) รวม 36 แห่ง จะหยุดทำงานโดยทันที ท่าเรือที่จะได้รับผลกระทบ รวมถึงท่าเรือสำคัญคือ New York/New Jersey, Savannah, Houston, Virginia และ Charleston

 

2. การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกจะได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากส่วนใหญ่ของท่าเรือที่มีการสไตร์ค ของแรงงาน เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ในการค้าระหว่างประเทศ มีการขนถ่ายสินค้าจำนวนมาก การสไตร์คจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดการติดขัดที่จุดหมายปลายทางการขนถ่ายสินค้าขึ้นและลงเรือในสหรัฐฯ เกิดการติดขัดของการจราจรในน่านน้ำของเรือขนส่งสินค้าที่รอขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือนำเข้า ทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าและค่าขนส่งสินค้าทางเรือจะพุ่งสูงขึ้น

 

3. สินค้าจำนวนมากจะตกค้างที่ท่าเรือ อาจจะต้องใช้เวลา 4 ถึง 6 วันในการเคลียร์สินค้านำเข้าของแต่ละวันของการสไตร์ค อาจนำไปสู่การขัดจังหวะของการลื่นไหลของห่วงโซ่อุปทาน

 

ในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาต่อรองกันและยังไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ได้เกิดผลกระทบขึ้นแล้ว คือ

 

1. เกิดการเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจทำธุรกิจและการจราจรขนส่งสินค้าทางเรือ ทั้งที่ท่าเรือบนฝั่งตะวันออก (East Coast ports) และฝั่งตะวันตก (West Coast ports) เมื่อผู้บริหารจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานพยายามหาทางลดความเสี่ยงด้วยการเร่งการสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าล่วงหน้าเร็วมากขึ้นและเพิ่มการใช้บริการท่าเรือบนฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ส่งผลให้การขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือทั่วสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2567 เพิ่มสูงกว่าจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 ทำสถิติที่ร้อยละ 7 และร้อยละ 20 ตามลำดับ

 

2. The National Retail Federation คาดการณ์ว่า การขนถ่ายตู้สินค้าในเดือนสิงหาคม 2567 จะพุ่งสูงทำลายสถิติ เมื่อผู้ค้าปลีกเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่จะเกิดการสไตร์ค

 

การสไตร์คที่ท่าเรือนำเข้าแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท่าเรือสำคัญๆ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้น รัฐบาลกลางสหรัฐฯมักจะเข้าไปสอดส่องดูสถานการณ์และยื่นมือเข้ามาไกลเกลี่ยก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อมีลู่ทางว่าจะเกิดการสไตร์คที่ท่าเรือ Los Angeles และ Long Beach บนฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯในปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่าง ILA และ USMX ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ที่กำหนดต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องนี้ให้ยุติได้โดยเร็ว

 

ที่มา: SupplyChain Management review: “Assessing the potential of a port strike”, by Brian Straight, September 3, 2024

 

ข้อมูลเพิ่มเติม และข้อเสนอแนะจาก สคต ลอสแอนเจลิส

 

1. TIR system คือระบบการขนส่งสินค้าผ่านศุลกากรที่ใช้กันในมากกว่า 66 ประเทศกระบวนการ TIR เป็นการเคลื่อนสสินค้าผ่านแดน โดยอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของศุลกากร โดยไม่ต้องจ่ายชำระภาษี (duties & taxes) ที่ปกติแล้วมีกำหนดจ่ายชำระเมื่อมีการนำเข้า (หรือส่งออก) เงื่อนไขหนึ่งของกระบวนการ TIR คือ การเคลื่อนย้ายสินค้าจะครอบคลุมถึงการขนส่งทางถนน                  

 

2. การนำเข้าที่ท่าเรือบนฝั่งตะวันออก (East Coast) และท่าเรือบนอ่าว (Gulf Coast) รวมกันคิดเป็นประมาณร้อยละ 43 ของการนำเข้ารวมทั้งสิ้นของสหรัฐฯ

 

3. ท่าเรือที่ใหญ่ 10 อันดับแรกของสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับผลกระทบจากกรณีต่อรองสัญญาระหว่าง USMX และ ILA

 

ในขณะนี้ และจะได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้นหากมีการการสไตร์คเกิดขึ้น คือ (หมายเหตุ: ปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้าท่าเรือ เป็นประมาณการณ์ต่อปี)

 

     (1) Port of Los Angeles ใน California ปากทางเข้าสหรัฐฯ ของประมาณร้อยละ 20 ของตู้สินค้านำเข้า หรือประมาณ 10.66 ล้าน TEUs ต่อปี คู่ค้าสำคัญของท่าเรือนี้คือ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

 

     (2) Port of New Jersey/New York ปากทางเข้าสหรัฐฯ ของตู้สินค้ามากกว่า 7.4 ล้าน TEUs. คู่ค้าสำคัญของท่าเรือนี้คือ จีน อินเดีย และเยอรมัน

 

     (3) Port of Long Beach ใน California ปากทางเข้าสหรัฐฯ ของตู้สินค้ามากกว่า 9.13 ล้าน TEUs เป็นช่องทางการค้าทางเรือที่สำคัญอย่างมากระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าในเอเซีย

 

     (4) Port of Savannah ใน Georgia ปากทางเข้าสหรัฐฯ ของสินค้าที่มีน้ำหนักและมีขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ เครื่องจักร และสินค้าเกษตร ปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านเข้าประมาณ 5.76 ล้าน TEUs. เป็นช่องทางการค้าทางเรือที่สำคัญอย่างมากระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าในเอเซีย ลาตินอเมริกา และยุโรป

 

(5) Port of Houston ใน Texas เป็นท่าเรือสำคัญบน Gulf Coast ของสหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ผ่านเข้าออกท่าเรือนี้คือปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตู้สินค้าที่ผ่านเข้าท่าเรือนี้ประมาณ 1.6 ล้าน TEUs

 

(6) Port of Virginia ใน Virginia เป็นท่าเรือที่สามารถรองรับเรือขนส่งขนาดใหญ่ที่สุดของโลกได้ ปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านเข้าท่าเรือนี้คือ 3.4 ล้าน TEUs

 

(7) The Northwest Seaport Alliance (Seattle-Tacoma) ในรัฐ Washington เป็นท่าเรือสำคัญสูงสุดบนเขต Pacific Northwest ของสหรัฐฯและ Alaska และ Hawaii ปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้าที่ท่าเรือนี้คือ 3.38 ล้าน TEUs คู่ค้าสำคัญจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ประเทศไทย และเวียดนาม

 

(8) Port of Charleston ใน South Carolina ปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้าออก 2.79 ล้าน TEUs คู่ค้าสำคัญคือ ประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ ยุโรปเหนือ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

 

(9) Port of Oakland ใน California ปริมาณตู้สินค้าผ่านเข้าที่ท่าเรือนี้ 2.34 ล้าน TEUs คู่ค้าสำคัญคือประเทศในเอเซีย

 

(10) Port of Miami ใน Florida ประมาณตู้สินค้าผ่านเข้าที่ท่าเรือนี้ 1.2 ล้าน TEUs คู่ค้าสำคัญคือ จีน

 

4. การสไตร์คที่ท่าเรือขนส่งสินค้าจะทำให้ค่าขนส่งตู้สินค้าทางเรือ (container spot rate) ไปยังสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น จากที่ได้พุ่งสูงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 แล้วจากวิกฤตในทะเลแดง ค่าขนส่งทางเรือไปยังสหรัฐฯ ในปัจจุบัน คือ

(1) จากเอเซียไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ประมาณ 9,000 เหรียญฯ ต่อตู้สินค้า 40ft. สูงกว่าปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 150

 

(2) จากเอเซียไปยังฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ประมาณ 6,000 เหรียญฯต่อตู้สินค้า 40ft. สูงกว่าปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 170

 

คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ หรือไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 และไตรมาสแรกของปี 2025 ค่าขนส่งทางเรือจะยังคงเป็นปัญหาสำคัญของการค้าระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ

 

หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส | 2-6 กันยายน 2567

อ่านข่าวฉบับเต็ม : ประเมินความเป็นไปได้ของการสไตรค์ที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกและบนอ่าวภาคใต้สหรัฐอเมริกา

Login