บริษัท Naturli’ Foods ผู้ผลิตอาหารจากพืช เช่น ผลิตภัณฑ์เนย และนมทางเลือก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้รายงานผลประกอบการปี 2024 ที่เติบโตอย่างชัดเจน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 23 ล้านโครนเดนมาร์ก (ประมาณ 115 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่าเกือบ 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 21 ล้านโครน (ประมาณ 105 ล้านบาท) หรือครึ่งหนึ่งของอัตราการเติบโตของกำไร
ผลประกอบการที่ดีขึ้นนี้เกิดจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเดิมบริษัทคาดว่ากำไรก่อนหักภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านโครนในปีนี้ (ประมาณ 70 ล้านบาท) แต่สามารถทำได้เกินเป้า
Naturli’ Foods เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ Orkla จากนอร์เวย์ ผ่านบริษัทลูก Dragsbæk ซึ่งเป็นผู้ผลิตเนยมาการีนในเดนมาร์ก ความสำเร็จของ Naturli’ ในปีนี้แตกต่างจากบริษัท Oatly ของสวีเดน ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดเครื่องดื่มจากพืช โดย Oatly ขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน โดยปีล่าสุดขาดทุนเกือบ 1.5 พันล้านโครนเดนมาร์ก แม้จะลดลงครึ่งหนึ่งจากสองปีก่อนหน้า
ปัจจุบันบริษัท Naturli’ ตั้งอยู่ที่เมือง Vejen และมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทในเครือ เช่น Grønvang Foods และบริษัทแม่ Dragsbæk ซึ่งมีโรงงานในเมือง Thisted โดย Dragsbæk มีรายได้ราว 1.2 พันล้านโครนเดนมาร์ก (ประมาณ 6,009 ล้านบาท) ส่วน Orkla มียอดขายรวมประมาณ 45 พันล้านโครน (ประมาณ 225,344 ล้านบาท)
สำหรับปีนี้ Naturli’ คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ในช่วง 20-25 ล้านโครนเดนมาร์ก (ประมาณ 100 – 125 ล้านบาท)
ที่มา: Børsen
บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:
• ความสำเร็จของบริษัท Naturli’ Foods ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหาร Plant-based ในเดนมาร์กสะท้อนถึงศักยภาพและการเติบโตของตลาดภายในประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแปรรูปจากพืช ที่ได้รับการส่งเสริมจากทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ดี ความสำเร็จนี้ยังบ่งชี้ถึง การแข่งขันที่สูงในตลาด โดยเฉพาะจากผู้ผลิตภายในประเทศ และแบรนด์ต่างชาติขนาดใหญ่ เช่น Oatly และ Beyond Meat ซึ่งมีความได้เปรียบด้านชื่อเสียงและเครือข่ายจัดจำหน่าย สินค้าจากไทยอาจต้องแข่งขันกับผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และเผชิญความท้าทายด้านการสร้างแบรนด์ ความน่าเชื่อถือ และการเข้าถึงช่องทางจำหน่าย รวมถึงความนิยมในสินค้า Locally-produced และแนวโน้มการสนับสนุนผู้ประกอบการเดนมาร์กจากภาครัฐอาจทำให้สินค้าไทยถูกมองเป็นทางเลือก มากกว่าตัวเลือกหลัก
• อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ตลาด Plant-based ของเดนมาร์กยังมีช่องว่างสำหรับสินค้าไทยในหลายมิติ ดังนี้:
o ชาวเดนมาร์กมีรายได้เฉลี่ยสูง และให้ความสำคัญกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของอาหารไทย เช่น อาหารมังสวิรัติ กะทิ เครื่องแกง และสมุนไพร
o ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของอาหารเอเชีย โดยเฉพาะอาหารไทย ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาดเดนมาร์ก
o สินค้าไทยบางประเภท เช่น ซอส น้ำมะพร้าว กะทิ ผลไม้อบแห้ง หรือขนมขบเคี้ยว มีศักยภาพเป็น Plant-based หรือ Vegan อยู่แล้ว สามารถต่อยอดด้วยการรับรอง Vegan และ Organic
• แนวทาง
o พัฒนาสินค้า ให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมบริโภคเพื่อสุขภาพที่มีฉลาก Vegan, Organic และ Gluten-free เป็นต้น
o ร่วมมือกับแบรนด์เดนมาร์ก เช่น การผลิตสินค้า OEM หรือ Co-branding กับแบรนด์ท้องถิ่นเพื่อขยายการเข้าถึงผู้บริโภค
o เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่ม vegan ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเป็นสัดส่วนเล็กแต่มีอำนาจซื้อสูงและมีความภักดีต่อแบรนด์
อ่านข่าวฉบับเต็ม : บริษัทผู้ผลิตอาหารจากพืชของเดนมาร์กเติบโตอย่างก้าวกระโดด