" ราคาน้ำมันพุ่งสูง "
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นว่า เกิดจากการเก็งกำไรและผลต่อเนื่องจากการคว่ำบาตรอิหร่านเป็นหลัก โดยในชั้นนี้ คาดว่าราคาน้ำมันจะสูงกว่าตัวเลขที่สนค. ใช้ในการประมาณการณ์การส่งออกและเงินเฟ้อที่ระดับ 65-75 เหรียญสหรัฐฯ โดยอาจจะขึ้นมาที่ 80-90 เหรียญฯ แต่คาดว่าจะไม่สูงถึง 100 เหรียญฯ เพราะสหรัฐฯ มีท่าทีที่จะหาความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เพื่อหลีกเลี่ยงราคาน้ำมันที่สูงเกินไป อีกทั้งกลุ่มประเทศโอเปคอาจจะมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น การผลิตทดแทนน้ำมันของอิหร่าน นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ร้อนแรง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันไม่เร่งตัวมากนัก
จากการคำนวณของสนค. หากราคาน้ำมันขึ้นมาอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐฯ ใน 4 เดือนที่เหลือของปี 2561 (ช่วง 8 เดือนแรก ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 69 เหรียญสหรัฐฯ) จะทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 38- 56 จากปีก่อน ซึ่งจะทำให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันขยายตัวร้อยละ 26-36 และส่งผลต่อการส่งออกรวมประมาณร้อยละ 2.6-3.6 อันจะสนับสนุนการส่งออกตามเป้าหมายที่ร้อยละ 9.0 ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การส่งออกร้อยละ 9 จะต้องส่งออกเดือนที่เหลือเฉลี่ยร้อยละ 7.1
สำหรับผลต่อเงินเฟ้อหรือราคาผู้บริโภคนั้น นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สนค. ได้ตั้งประมาณการณ์เงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ 0.8 – 1.6 ซึ่งแม้ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นมาที่ระหว่าง 80-90 เหรียญฯ ก็จะยังไม่ทำให้หลุดกรอบนี้ อย่างไรก็ตาม อาจจะส่งผลให้ค่ากลางที่ร้อยละ 1.25 สูงขึ้นบ้าง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นเท่าไหร่ เพราะช่วงปลายปีจะมีสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาลดลง (ต้นทุนลด) ยกเว้นยางพาราที่ปกติจะราคาสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ครม. ยังไม่เห็นชอบให้ขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบ จึงยังไม่มีแรงกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในส่วนของบุหรี่
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สหรัฐฯ น่าจะเพิ่มแรงกดดันประเทศผู้ผลิตต่าง ๆ เพื่อหามาตรการดึงราคาน้ำมันให้ลง เพราะประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเสมอว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันแพงเกินไป เพราะจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุดซาอุดิอาระเบียเริ่มให้ข่าวแล้วว่า พร้อมจะสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดน้ำมันโลก โดยอาจจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน พ.ย. นี้
ที่มา : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)