Tata CLiQ Palette ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่ขายผลิตภัณฑ์เพื่อผมและผิว รวมถึงเครื่องสำอางให้ข้อมูลว่า ในระยะ 5 – 10 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมเพื่อความงามในอินเดียจะขยายตัวรองรับคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบออกมาทำงาน โดยคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะนิยมสินค้าแบบธรรมชาติมากกว่าใช้สารเคมี และมีความสนใจที่จะมาใช้บริการร้านเสริมสวยมากขึ้น การศึกษาของ KPMG พบว่าธุรกิจเพื่อความงามของอินเดียจะเติบโตประมาณ 20.6% โดยผู้รับบริการมองว่านอกจากเป็นการเสริมบุคลิกแล้ว ยังเป็นการใช้เวลาพักผ่อนที่ดีด้วย ข้อสังเกตจากร้านเสริมสวยที่มีชื่อเสียงอย่าง Hair Masters luxury Salons มองว่าผู้ชายจะเข้ามารับบริการมากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 20% จะเพิ่มเป็น 50% ของผู้รับบริการ จึงมีแผนที่จะขยายสาขาจากเดิม 62 แห่ง เป็น 100 แห่ง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ชายให้มากขึ้น
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานศึกษาตลาดของ Mintel India ที่พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินเดียมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับผู้ชายมากที่สุดในเอเชีย ตามมาด้วยจีน และ ญี่ปุ่น มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตประมาณ 8-9% โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์รักษาผิวหน้าของผู้ชาย ครีมหลังโกนหนวด ครีมบำรุงรากผมเพื่อแก้ไขปัญหาผมร่วง ครีมทาหน้า และ เจลจัดทรงผม จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ชายอินเดียของ Mintel India พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามจะเข้าไปดูข้อมูลของสินค้าทางออนไลน์ก่อน แล้วเดินทางไปทดลองใช้ที่ร้านที่ให้บริการด้วย โดยลูกค้ากลุ่มนี้มักเป็นผู้มีรายได้สูงและสนใจสินค้าระดับพรีเมียม
ในการเข้าไปรับบริการ ผู้ชายกลุ่มนี้จะได้รับการเสนอให้ทดลองผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะยาสระและครีมบำรุงผม แต่รวมถึงครีมโกนหนวด ครีมบำรุงผิงหน้า การนวดศีรษะและคอเพื่อผ่อนคลาย รวมไปถึงการเตรียมตัวไปแต่งงานด้วย อย่างไรก็ดี ความท้าทายประการหนึ่งคือการพัฒนาทักษะของผู้ให้บริการในอินเดีย ที่ต้องการการฝึกอบรมให้ได้มาตรฐานซึ่งหากต้องการให้ได้มาตรฐานสากล ร้านบางแห่งต้องมีการส่งพนักงานไปอบรมถึงเมืองดูไบหรือลอนดอน
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อคิดเห็น
1. การส่งออกจากไทยไปอินเดียในกลุ่มเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. 2566 มีมูลค่า 42.78 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 74.28% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ครอบคลุมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือบำรุงผิว น้ำหอม ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ดับกลิ่นตัวและที่โกนหนวด สบู่ และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากสร้างรายได้ให้กับผู้ส่งออกไทยจำนวน 70 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการรายเล็กถึง 38 ราย ซึ่งผู้ส่งออกสามารถปรับสูตรและบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่เป็นผู้ชายได้ด้วย
2. ในการการเข้าสู่ตลาดระยะแรกอาจต้องออกผลิตภัณฑ์ขนาดทดลอง ขนาดเล็ก เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ และต้องใช้วิธีลดราคา มีของแถม เพื่อสร้างแรงจูงใจ และราคาควรจะแข่งขันได้ เพราะผู้บริโภคอินเดียมีความอ่อนไหวด้านราคาสูง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่อาจหาพันธมิตรเข้าไปร่วมทุนผลิตสินค้าในอินเดีย โดยผสมผสานวัตถุดิบที่เป็นจุดเด่นของวัตถุดิบจากไทยและอินเดียเข้าด้วยกัน รวมถึงเปิดหน้าร้านและร้านเสริมความงาม รวมถึงสถาบันฝึกอบรม โดยเฉพาะสำหรับการให้บริการสำหรับลูกค้าผู้ชาย
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)