บริษัท Wonder Pets Enterprise Corp. เจ้าของ Pet Park เชนร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงชื่อดังของไต้หวัน ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน (IPO) อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 นับเป็นร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงบริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ ซึ่งมีการขยายตัวของฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิกของร้านโดยเฉลี่ยในสัดส่วนที่สูงถึงประมาณร้อยละ 50 ต่อปี
ผลประกอบการของ Wonder Pets ในปี 2566 มีมูลค่ารวมสูงถึงประมาณ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 15.68 ถือเป็นผู้ประกอบการสินค้าสัตว์เลี้ยงที่มีผลประกอบการสูงที่สุดของไต้หวัน โดยบริษัทฯ ชี้ว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงของในไต้หวันคิดเป็นมูลค่าประมาณ 55,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อนหน้า และมีการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปี 2562 ในขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยในสินค้าสัตว์เลี้ยงต่อครัวเรือนของไต้หวันในปี 2566 ก็เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับปี 2556 และจากสถิติของกระทรวงการคลังไต้หวัน มีร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงในไต้หวันรวมประมาณ 8,968 แห่ง ถือเป็นจำนวนที่มากกว่าจำนวนสาขาทั้งหมดของร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่าง 7-11 เสียอีก โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามากถึง 475 แห่ง
นอกจากเชนร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงแล้ว Wonder Pets ยังมีธุรกิจในเครืออีกหลายอย่าง เช่น Cuddle & Pets และ Captain Pets ที่ต่างก็เป็นเชนร้านเสริมสวยสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึง Petpetgo แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซสำหรับสินค้าสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ปัจจุบัน Wonder Pets มีร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงในเครือรวมทั้งสิ้นประมาณ 120 แห่งในทุกเมืองใหญ่ทั่วไต้หวัน โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดสาขาให้ได้ 250 แห่ง ทั่วไต้หวันภายในเวลา 3 ปี และมีแผนจะขยายสาขาไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยในชั้นนี้ ได้มีการเจรจาในเบื้องต้นกับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในสิงคโปร์และมาเลเซียแล้ว และสนใจที่จะร่วมทุนทำธุรกิจเชนร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงกับผู้ประกอบการไทย นกอจากนี้การที่ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่สำคัญลำดับที่ 1 ของไต้หวัน ทำให้มีบริษัทฯ แสดงความสนใจที่จะเจรจากับผู้ส่งออกไทยในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคไต้หวันมีความรู้สึกที่ดีต่อสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าผลิตภัณฑ์เสริมความงามสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทย ซึ่งใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ หรือสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดไต้หวัน เพราะสอดคล้องกับแนวคิดการบริโภคในสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคแบบยั่งยืน จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไต้หวันในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ที่มา: Economic Daily News / Yahoo! News / CNA (August 14-16, 2024)
ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของ สคต.
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ทั้งสินค้าและบริการที่เติบโตขึ้นอย่างมาก เกิดจากสภาพสังคมในไต้หวันที่มีอัตราการเกิดของทารกที่ต่ำที่สุดในโลก โดยคนส่วนใหญ่หันไปเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนการมีบุตรและพร้อมที่จะสรรหาสิ่งดีๆ สำหรับเพื่อนสัตว์อันเป็นที่รักของตนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยนอกจากอาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยมีสัดส่วนสูงที่สุดในการนำเข้าของไต้หวัน (คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 33 ของการนำเข้าทั้งหมด) แล้ว สินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น ปลอกคอ ป้ายชื่อ และเสื้อผ้า ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอนสำหรับสัตว์เลี้ยงสั่งทำพิเศษ รวมถึงผลิตภัณฑ์ตัดแต่งขนและอุปกรณ์เสริมสวยสำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ซึ่งต่างก็เป็นสินค้าที่ผู้ส่งออกไทยมีศักยภาพสูง ในขณะที่ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นแนวโน้มสำคัญของการบริโภคในไต้หวัน ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืนซึ่งเป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในไต้หวันมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ/รีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถดึงดูดเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงไต้หวันเติบโตอย่างรวดเร็ว ผลักดันให้ธุรกิจเชนร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงชื่อดังเติบโตจนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวันเป็นรายแรก