ที่มาภาพ: https://n.yam.com/Article/20231116729875
เมื่อเร็ว ๆ นี้ แมคโดนัลด์ (麦当劳: McDonald’s) ได้เปิดตัว “ถุงบ้านแมว (袋袋猫窝)” จำนวน 500,000 ชุดในร้านอาหารแมคโดนัลด์กว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศจีน ผู้บริโภคสามารถซื้อชุด “อาหารสำหรับ 2 คน เหมียว เหมียว (喵喵双人餐)” ได้ในราคา 99 หยวน (ประมาณ 500 บาท) บนแอป McDonald’s เพื่อที่จะได้รับ “ถุงบ้านแมว” จำนวน 1 อันโดยการสุ่มลาย โดยแคมเปญทำให้เกิดกระแสการโพสต์รูปถ่ายสัตว์เลี้ยงของตัวเองในบ้านแมวที่มีโลโก้ของ McDonald’s บนโซเชียลมีเดียในกลุ่มคนเลี้ยงแมวในมีช่วงเวลาหนึ่ง
ที่มาภาพ: https://www.mcdonalds.com.cn/news/20231114-MDS-Cat/
ชุดอาหารมีราคา 99 หยวน ซึ่งประกอบด้วยแฮมเบอร์เกอร์ 2 ชิ้น นักเก็ต และโค้ก 2 แก้ว มีราคารวมกันอยู่ที่ประมาณ 50 หยวน ดังนั้นมูลค่าถุงบ้านแมวจะอยู่ที่ประมาณ 50 หยวน แต่ราคาของ “ถุงบ้านแมว” ที่ถูกขายบนแพลตฟอร์มซื้อขายของมือสองมีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นประมาณ 65 หยวน
ซึ่งสาเหตุที่แมคโดนัลด์ใช้แผนการตลาดอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นการตอบสนองต่อตลาดอาหารจานด่วนของจีนที่มีการแข่งขันสูง ตามรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของแมคโดนัลด์ที่เพิ่งเปิดเผย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 แมคโดนัลด์มีรายได้ 6.692 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.371 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีกำไรสุทธิ 2.317 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.21 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ในขณะเดียวกัน การเติบโตของยอดขายในไตรมาสที่ 3 ของ McDonald ก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในปีนี้ ดังนั้นในการใช้แผนการตลาดต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายอาจกลายเป็นอาวุธสำคัญในการดำเนินธุรกิจของแมคโดนัลด์ต่อไปเรื่อย ๆ
ศักยภาพตลาด “เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง (Pet Economy)” ต่อแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดในจีน
แมคโดนัลด์ไม่ใช่แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดเพียงแบรนด์เดียวที่เข้ามาใน “เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง” ล่าสุดแบรนด์ไลฟ์สไตล์สัตว์เลี้ยงอย่าง VETRESKA (未卡) และ KFC (肯德基) ได้เปิดตัวรุ่นลิมิเต็ด “ถังลับเล็บแมว KFC × VETRESKA (肯德基×未卡猫抓桶)” ถังลับเล็บแมวที่ KFC เปิดตัวในเวลานั้นมีดีไซน์แบบหลายชั้น ถังขนาดใหญ่สามารถใช้ได้กับแมวหลายขนาดและเป็นมิตรกับครอบครัวที่มีแมวหลายตัวมากกว่า ในวันแรกของการเปิดตัวถังลับเล็บแมวรุ่น Limited จำนวน 1,800 ชุด สามารถจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง
ที่มาภาพ: https://socialbeta.com/c/12047
นอกจากนี้ แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Baixiang (白象) ยังได้เปิดตัวชุด “Cat Cup (猫咪杯)” แบบจำกัดเวลาที่ร้านเรือธง (旗舰店) ใน Taobao (淘宝) โดยผู้บริโภคสามารถซื้อได้ 12 ถ้วย / 18 ถ้วย / 24 ถ้วย / 36 ถ้วย ในราคา 59.9 หยวน / 88.9 หยวน / 129.9 หยวน / 189.9 หยวน ตามลำดับหลังคูปอง ซึ่งจะมีโอกาสได้รับบ้านแมวที่มีการออกแบบผสมผสานองค์ประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปช้างเผือกกับธีมอุ้มแมว (泡了只喵) โดยยอดขายชุด “Cat Cup” ทะลุ 1,000 ชุดในเวลาไม่ถึง 1 เดือนหลังจากวางจำหน่าย
ที่มาภาพ: https://www.foodaily.com/newsflashes/7376
ในช่วง 11 เดือน 11 (11.11) ที่เพิ่งผ่านไป ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงก็เป็นประเภทสินค้าที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น สัตว์เลี้ยงในซูเปอร์มาร์เก็ต JD (京东) ในช่วงเวลาชอปปิ้งใน 11.11 ในปีนี้ ตั้งแต่ 20.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 14.00 น. ของวันที่ 12 พฤศจิกายน มูลค่าการซื้อขายอาหารเลี้ยงของ JD เพิ่มขึ้นร้อยละ 265 จากปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายอาหารสุนัขสูงวัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 168 จากปีที่ผ่านมา และมูลค่าการซื้อขายอาหารเปียกหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 128 จากปีที่ผ่านมา
iiMedia Research ได้เผยแพร่ “รายงานการดำเนินงานของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของจีนและรายงานการติดตามตลาดผู้บริโภคประจำปี 2566-2567” ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าขนาดอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงของจีนจะสูงถึง 493.6 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.468 ล้านล้านบาท) ในปี 2565 โดยตลาดสัตว์เลี้ยงในจีนยังมีโอกาสพัฒนาอีกมาก และคาดการณ์ว่าภายในปี 2568 ขนาดของอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงของจีนคาดว่าจะสูงถึง 811.4 พันล้านหยวน (ประมาณ 4.057 ล้านล้านบาท) ในเวลาเดียวกัน การอัพเกรดการบริโภคทำให้เกิดความหลากหลายของอุปกรณ์และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง และแบรนด์ของจีนในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงก็คาดว่าจะได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ที่มาภาพ: https://thestandard.co/big-boy/
การแข่งขันระหว่างแบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดกำลังดุเดือด
สำหรับคนรุ่นใหม่ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานและการใช้ชีวิตแล้ว ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยตอบสนองทางด้านอารมณ์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แนวคิดเรื่อง “สัตว์เลี้ยง” กลายเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับแมคโดนัลด์ในการดึงดูดความสนใจของตลาด
ในทางกลับกัน แฮมเบอร์เกอร์และไก่ทอดที่เป็นสินค้าหลักของแมคโดนัลด์นั้นถือได้ว่าสินค้าในตลาด Red ocean ซึ่งมีคู่แข่งที่จำหน่ายสินค้าที่เหมือนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ดึงดูดผู้เล่นใหม่จำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิ่งนี้ยังเป็นความท้าทายที่ซ่อนอยู่สำหรับแมคโดนัลด์อีกด้วย
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ร้านอาหาร Tastien (塔斯汀) ซึ่งจำหน่าย “เบอร์เกอร์สไตล์จีน” ที่มีป้ายสีแดงสะดุดตาและผลิตภัณฑ์เบอร์เกอร์สไตล์จีน ได้กวาดตลาดจีนอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกเลือกเพียงสถานที่เพื่อขยายสาขาในเมืองชั้นสามและสี่ โดยเฉพาะเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีแมคโดนัลด์และเคเอฟซี แต่ในเดือนสิงหาคมปีนี้ ร้าน Tastien ในปักกิ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ดังกล่าวซึ่งเกิดในเมืองระดับล่างของจีน ได้เริ่มเข้าสู่เมืองระดับ 1 อย่างเป็นทางการ และจะเข้ามาแข่งขันกับแบรนด์ต่างประเทศอย่างแมคโดนัลด์และเคเอฟซี ในช่วงปี 2563 ถึง 2565 จำนวนร้านใหม่ที่เปิดใน Tastien สูงถึง 312, 455 และ 2,431 ตามลำดับ และในปีนี้นับถึงเดือนตุลาคม ทาง Tastien ได้เพิ่มสาขาใหม่ 2,775 แห่ง โดยในปัจจุบัน Tastien มีสาขามากกว่า 5,800 แห่งทั่วประเทศจีน
ที่มาภาพ: https://wapbaike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=e0a309bf7ad32e7890c7b805&fromModule=tashuo-article_bottom-tashuo-feed
แมคโดนัลด์ยังคงพยายามขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าสู่ตลาดระดับล่าง ก่อนหน้านี้ Borden รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแมคโดนัลด์ กล่าวว่า แมคโดนัลด์คาดว่าจะเปิดร้านใหม่ 1,900 แห่งทั่วโลกในปี 2566 โดยในจำนวนนี้ประมาณ 900 แห่งจะเปิดในตลาดจีน เขากล่าวว่าเมื่อปีที่แล้ว แมคโดนัลด์เปิดร้านใหม่มากกว่า 700 แห่งในจีน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ณ วันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ จำนวนร้านอาหารของแมคโดนัลด์ในจีนเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5,400 แห่ง โดยเกือบครึ่งหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองระดับสามและสี่ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2571 แมคโดนัลด์ในจีนจะขยายไปสู่ร้านอาหารมากกว่า 10,000 แห่งในเมืองระดับ 1 ถึง 5 และยังเห็นว่ายังคงมีช่องทางการเติบโตอีกมากในเมืองระดับสูง ซึ่งแมคโดนัลด์เองก็ยังคงต้องคิดหากลยุทธ์เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้เลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ของตนเองต่อไป
ข้อคิดเห็นของสคต.เซี่ยงไฮ้
ตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดถือเป็นอีกตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด เป็นอาหารที่มีคู่แข่งในตลาดเป็นจำนวนมาก และอาหารค่อนข้างคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะสามารถเอาชนะคู่แข่งและครองส่วนแบ่งการตลาดได้เพียงแค่เอารสชาติหรือราคาเข้าสู้ ประกอบกับในยุคปัจจุบันที่คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น กลุ่มผู้บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดเริ่มน้อยลง อีกทั้งยังนิยมแต่งงานและมีลูกน้อยลง ทำให้เกิดกระแสการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แมคโดนัลด์และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแบรนด์อื่น ๆ จึงได้เล็งเห็นและอยากจับตลาดกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในช่วงนี้เกิดแคมเปญเอาใจคนรักสัตว์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกรูปแบบการตลาดที่น่าสนใจ หากธุรกิจของไทยต้องการตีตลาดกลุมผู้บริโภคชาวจีน สามารถเริ่มต้นได้จากการตามกระแสที่แบรนด์ใหญ่ ๆ ทำอย่างการตีตลาดกลุ่มคนรักสัตว์ ทำโปรโมชั่น ของขวัญ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสนใจและเกิดกระแสปากต่อปากได้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่อยากเข้าไปตีตลาดในจีนในช่วงนี้ เพราะฐานลูกค้ากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
อีกทั้งยังทำให้เห็นว่าแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานยังต้องพยายามปรับตัว และคิดแผนการตลาดเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการที่เปลี่ยนไป ธุรกิจอื่น ๆ ยิ่งต้องพยายามศึกษาและปรับตัวให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
________________________________________________________________________________
จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้
วันที่ 1 ธันวาคม 2566
แหล่งที่มา
https://www.iimedia.cn/c1092/96943.html
อ่านข่าวฉบับเต็ม : ตลาดฟาสต์ฟู้ดของจีนกำลังเร่งเจาะกลุ่ม “เจ้าของสัตว์เลี้ยง”