หน้าแรกTrade insightข้าว > “จุรินทร์” ติดตามสถานการณ์ข้าว บริหารจัดการให้เพียงพอทั้งในประเทศและส่งออก

“จุรินทร์” ติดตามสถานการณ์ข้าว บริหารจัดการให้เพียงพอทั้งในประเทศและส่งออก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานร่วมหารือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าข้าวทั้งในและต่างประเทศ ที่บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี ว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามสถานการณ์ข้าว ทั้งในส่วนของผู้แทนของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว โรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง และผู้ส่งออก ซึ่งได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตปี 2562/63 จะมีปริมาณข้าวสารประมาณ 18.8 ล้านตัน และผู้ส่งออกได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออกในปี 2563 ประมาณ 7.5 ล้านตัน รวมทั้งได้ประเมินตัวเลขการบริโภคและการแปรรูปภายในประมาณ 8 ล้านตัน

สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ปัจจุบันข้าวสดอยู่ที่ 9,500 บาทต่อตัน ข้าวแห้ง ความชื้นมาตรฐาน 15% อยู่ที่ราคา 10,200 บาท ถึง 11,000 บาทต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ตรงกันกับตัวเลขที่เกษตรกรได้รายงาน ส่วนสถานการณ์ข้าวถุง ได้มีผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ซึ่งได้มีการปรับลดราคาข้าวถุงลงมาในช่วงราคา ตั้งแต่ 8-30.5%

ส่วนการส่งออก ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับผู้ส่งออกอย่างใกล้ชิด ให้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกทุกวัน รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนร่วมกันกับผู้ส่งออก เพื่อที่จะให้การส่งออกข้าวมีการกระจายตัวไปในแต่ละช่วงเวลา ไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศและกระทบต่อราคาข้าวสารสำหรับผู้บริโภคได้ ซึ่งผู้ส่งออกได้มีการจัดทำแผนร่วมกันในการที่จะให้การส่งออกข้าวแต่ละไตรมาสมีการกระจายตัว และกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าไตรมาสหนึ่งควรจะออกปริมาณเท่าใด ซึ่งสมาคมฯ จะแจ้งให้ทราบ

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออกข้าว ที่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยผลิตข้าวในพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาดโลก เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ โดยใช้หลักของการตลาดนำการผลิต ซึ่งได้มีการจัดทำแผนร่วมกันระหว่างกรมการข้าว กรมการค้าต่างประเทศ เกษตรกร ผู้ผลิตข้าว โรงสี และสมาคมผู้ส่งออกข้าวแล้ว ขณะที่การทำตลาดส่งออก จะเดินหน้ารักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ และทวงคืนตลาดเก่าที่เสียไป เช่น อิรัก แต่ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ไวรัสโควิด-19 ระบาด จึงต้องหยุดแผนไป หากสถานการณ์ปกติ ก็จะเดินหน้าต่อทันที รวมทั้งมีแผนที่จะสนับสนุนสินค้าข้าวนวัตกรรม ที่สามารถนำข้าวไปแปรรูปเป็นอาหารขบเคี้ยว กระทั่งเครื่องสำอาง และอื่นๆ และจะผลักดันให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ที่มีความพร้อมทำตลาดขายข้าวออนไลน์ด้วย

ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก ติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิด ทั้งในประเทศที่เป็นผู้ผลิต และผู้ส่งออกที่เป็นคู่แข่งของไทย โดยให้ ประเมินสถานการณ์รายงานมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลกร่วมกับสมาคมส่งออกข้าวไทยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปี 2563 คาดว่าจะมีการส่งออกข้าว 7.5 ล้านตัน โดยแบ่งการส่งออกเป็นรายไตรมาส โดยไตรมาสแรกควรจะส่งออกได้ 1.8 ล้านตัน แต่ตัวเลขจริง 1.5 ล้านตัน เพราะช่วงแรกเวียดนามขายข้าวราคาถูกออกมามากในช่วงต้นปี แต่พอมีปัญหาโควิด-19 เวียดนามชะลอการส่งออก และอินเดียยังไม่ชะลอรับคำสั่งซื้อ แต่จากนั้นอินเดียได้ชะลอรับออเดอร์ใหม่ ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าจะดีขึ้น ส่งออกได้ 2 ล้านตัน ไตรมาส 3 ที่ 2 ล้านตน และไตรมาส 4 อีก 2 ล้านตัน รวมทั้งปี 7.5 ล้านตัน ซึ่งตัวเลขจริงอาจจะขยับขึ้นเล็กน้อย แต่จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนข้าว เพราะผลผลิตข้าวมีเพียงพอ ทั้งการส่งออกและบริโภคในประเทศ

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณนายจุรินทร์ที่ได้ทำนโยบายประกันรายได้ให้กับชาวนา ทำให้ชาวนาได้รับราคาข้าวที่เป็นธรรม และสูงเป็นที่พอใจ จากสมัยก่อนราคาข้าวสูงสุดอยู่ที่ 6,000 7,000 แต่วันนี้ ได้ราคา 9,500-9,700 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี

ที่มา : https://mgronline.com/

บทความที่เกี่ยวข้อง

Login