หน้าแรกTrade insightเกษตรอื่นๆ > จับตาเทรนด์อาหารโลก ในงานแสดงสินค้า ANUGA 2025 เยอรมนี

จับตาเทรนด์อาหารโลก ในงานแสดงสินค้า ANUGA 2025 เยอรมนี

งานแสดงสินค้า Anuga 2025 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–8 ตุลาคม 2568 ที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โดยมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 8,000 รายจาก 110 ประเทศ บนพื้นที่จัดแสดงสินค้า 300,000 ตารางเมตร และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 145,000 คนจากทั่วโลก โดยกรมฯ ได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงสินค้า 114 ราย

ภายในงานปีนี้ “ความยั่งยืน” และ “นวัตกรรมจากพืช” ถูกยกให้เป็นหัวใจสำคัญของเทรนด์อาหารโลก พร้อมแนวโน้มใหม่ที่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

9 เทรนด์อาหารโลกจากเวที Anuga 2025

Anuga ผู้นำตลาดการค้าระหว่างประเทศและตลาดอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกร่วมกับ Innova Market Insights ผู้นำด้านการวิจัยตลาดอาหารและเครื่องดื่ม นำเสนอเทรนด์สำคัญและประเด็นสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารสำหรับปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งนวัตกรรมที่เพิ่มมากขึ้นของอุตสาหกรรม

หัวใจหลักของเทรนด์ปี 2025 ได้แก่ อาหารเฉพาะบุคคล (Personalised Food), ความยั่งยืน (Sustainability), อาหารโปรตีนทางเลือก (Alternative Proteins) และ อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ร้านค้า (Private Labels)

อาหารเฉพาะบุคคล: ตอบโจทย์ผู้บริโภคแต่ละคน

ความต้องการอาหารที่ “เฉพาะบุคคล” ของผู้บริโภคกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก “Personalised Food” หมายถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและความต้องการของแต่ละบุคคล ทั้งในด้านโภชนาการ ฟังก์ชันการทำงาน และการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่ม Millennials / Gen Z

จากรายงาน Innova Trends Survey 2025 พบว่า ผู้บริโภคกว่าร้อยละ 60 ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และมากกว่าครึ่งหนึ่งวางแผนการบริโภคอาหารเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง และผู้บริโภคมากกว่าหนึ่งในสามเลือกบริโภคอาหารเสริมและเครื่องดื่มที่มีสารอาหารเฉพาะเพื่อบำรุงสุขภาพ โดยตลาดอาหารควบคุมน้ำหนักเติบโตเฉลี่ยปีละ 8% (ระหว่างปี 2022–2024) นำโดยสหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหราชอาณาจักร ขณะที่เยอรมนีเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงสุดในยุโรป

ความยั่งยืน: ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมขับเคลื่อนตลาด

ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วฟาวา (Fava Beans) ซึ่งมีการเติบโตของตลาดเฉลี่ย 11% ต่อปี (2022–2024) เยอรมนี สหราชอาณาจักร และฟินแลนด์เป็นผู้นำตลาด ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีอัตราเติบโตสูงถึง 108%

ในเวลาเดียวกัน ความต้องการวัตถุดิบทดแทนสำหรับพืชที่อ่อนไหวต่อสภาพภูมิอากาศ เช่น โกโก้ กาแฟ และน้ำส้ม ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บริษัทต่าง ๆ จึงหันมาใช้วัตถุดิบใหม่ที่ยั่งยืนกว่า เช่น คาโรบ (Carob) แทนโกโก้, กาแฟลูปิน (Lupin Coffee) แทนกาแฟทั่วไป และ น้ำผลไม้หมักแทนน้ำส้ม เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กว่าครึ่งของผู้บริโภคทั่วโลกระบุว่าจะหลีกเลี่ยงหรือเลิกบริโภคผลิตภัณฑ์ หากรู้ว่าไม่ได้มีการผลิตอย่างยั่งยืน

โปรตีนทางเลือก: กระแส Flexitarian มาแรง

หนึ่งในเทรนด์ที่โดดเด่นใน Anuga 2025 คือการเติบโตของผลิตภัณฑ์จากพืชที่ไม่ใช่แค่ “ทดแทนเนื้อสัตว์” แต่เป็น “โลกอาหารใหม่” อาทิ ชีสแคมแอมเบิร์ตจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ (fermented cashew camembert) หรือเนื้อปลาทูน่าทดแทนจากพืช เป็นต้น ความนิยมในโปรตีนทางเลือกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2020–2024 โปรตีนจากพืชเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่โปรตีนเพาะเลี้ยง (Cultivated) และโปรตีนจากจุลินทรีย์ (Microbial) เพิ่มขึ้นถึง 15% ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เติบโตสูงสุดคือ อาหารทดแทนเนื้อสัตว์ (43%), อาหารพร้อมรับประทาน (13%) และ ของหวาน/ไอศกรีม (11%) นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคทั่วโลกราว 40% สนใจทดลองบริโภค “เนื้อสัตว์ไฮบริด” ที่ผสานโปรตีนจากเนื้อสัตว์และโปรตีนทางเลือกเข้าด้วยกัน ตามข้อมูลของ Innova นอกจากการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารสชาติและเนื้อสัมผัสให้ใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์จากสัตว์แล้ว บริษัทต่าง ๆ ยังให้ความสำคัญกับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย

อาหารเพื่อความสะดวกและของทานเล่น: อร่อยได้โดยไม่ต้องยอมเสียสุขภาพ

กระแส Snackification หรือการบริโภคของทานเล่นยังคงเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก ราวครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคทานของว่างอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง ผู้ผลิตจึงเน้นพัฒนาขนาดบรรจุที่เล็กลงและรสชาติใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งความอร่อยและความสะดวก

แบรนด์ร้านค้า (Private Label): กำลังเติบโตทั่วโลก

สินค้าแบรนด์ร้านค้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเหนือ ปี 2023 มีผู้บริโภคเกือบหนึ่งในสามเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ร้านค้าบ่อยขึ้น โดยยุโรปครองสัดส่วนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สูงสุดถึง 62% ตามด้วยอเมริกาเหนือและเอเชีย กลุ่มสินค้าที่โดดเด่น ได้แก่ เบเกอรี (13%), เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ (12%), และ อาหารพร้อมรับประทาน (12%)

สินค้าอาหารเกรดพรีเมียม: คุณภาพ ยั่งยืน และพิเศษเฉพาะตัว

ผู้บริโภคยุคใหม่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงพรีเมียม แต่ยังต้องมีจริยธรรมและดีต่อสุขภาพ สินค้าพรีเมียมที่เติบโตโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มร้อน (11%), ซอสและเครื่องเทศ (10%), และของว่าง (9%)

สุขภาพลำไส้ Gut & Digestive Health: สุขภาพเริ่มต้นจากภายใน

กว่า 50% ของผู้บริโภคให้ความสนใจอาหารและเครื่องดื่มที่มีไฟเบอร์สูง โดยตลาดอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี (2022–2024) กลุ่มสินค้าที่โดดเด่น ได้แก่ อาหารเสริม (47%) และ อาหารสำหรับเด็กเล็ก (26%) ซึ่งได้รับความนิยมสูงในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และจีน

ตลาดฮาลาล: เติบโตทั่วโลกพร้อมนวัตกรรม

ตลาดอาหารฮาลาลทั่วโลกเติบโตเฉลี่ยปีละ 8% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่ม เบเกอรี (15%), ซอสและเครื่องเทศ (13%), และ ของว่าง (11%)

Clean Label: ความโปร่งใสคือปัจจัยการตัดสินใจ

ผู้บริโภคหันมามองหาอาหารที่ “ไม่มีสารปรุงแต่งสังเคราะห์” มากขึ้น โดยกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วน Clean Label สูง อาทิ ซอสและเครื่องเทศ (13%), เบเกอรี (10%), และ ของว่าง (9%) เป็นต้น

ข้อเสนอแนะของ สคต.

             เทรนด์ที่เกิดขึ้นใน Anuga 2025 เป็น “สัญญาณสำคัญ” ที่ผู้ผลิตอาหารไทยควรจับตา โดยเฉพาะการต่อยอดวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น สมุนไพร เห็ด และถั่วไทย ให้เป็นอาหารฟังก์ชันหรือผลิตภัณฑ์พืชทางเลือก รวมถึงการใช้แนวคิด Clean Label และความยั่งยืนในการสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ตลาดยุโรปยังนิยมอาหารเอเชียที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เช่น อาหารไทยแบบแช่แข็งคุณภาพสูง หรือซอสเครื่องปรุงที่ผลิตจากพืช ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งความอร่อยและสุขภาพได้พร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อและผู้ค้าปลีกยุโรปเริ่มคัดเลือกผู้ผลิตที่มีการผลิตอย่างยั่งยืนและตรวจสอบห่วงโซ่การผลิตตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ผู้ผลิตไทยควรเตรียมตัวด้านการผลิตให้ยั่งยืนและตรวจสอบที่มาของวัตถุดิบทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

 

 

************************************************

ที่มา: anuga.com

อ่านข่าวฉบับเต็ม : จับตาเทรนด์อาหารโลก ในงานแสดงสินค้า ANUGA 2025 เยอรมนี

Login

ปิดโหมดสีเทา