- การมาเยือนกัมพูชาเป็นครั้งแรกของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยจะทำให้การค้าและการลงทุนทวิภาคีระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน ASEAN แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่นายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่ได้มาเยือนและหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันภายใต้กรอบทวิภาคีและพหุภาคี และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความสนใจและข้อกังวลร่วมกัน
- ในประเด็นการค้าการลงทุน นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้เห็นพ้องกัน ได้แก่ การเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการค้า ที่ ๑.๕ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี ๒๕๖๘ และเร่งรัดการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน และเร่งยกระดับจุดผ่านแดนที่ยังคั่งค้าง เพิ่มการลงทุนระหว่างกันและส่งเสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังขอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ครั้งต่อไปในโอกาสแรก รวมทั้งขอให้ไทยอำนวยความสะดวกการนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชา
- ทั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างผู้นำเก่าทั้งสองประเทศ คือ นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคาดว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ทั้งสองประเทศจะทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อการหารือและการเจรจาที่ราบรื่นยิ่งขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต
- นาย Sar Sarin รองประธานอาวุโสสมาคมธุรกิจกัมพูชาในประเทศไทย (Cambodia Business Council in Thailand : CBC) เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในคู่ค้าชั้นนำของกัมพูชา ดังนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของทั้งสองประเทศยกระดับความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนกัมพูชาและไทยมากขึ้นในการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุน ซึ่งคาดว่า การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศจะขยายตัวต่อไปในอนาคต เนื่องจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้นำทั้งสองที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน
- จากข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.78 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 โดยการส่งออกจากกัมพูชาไปยังไทย มีมูลค่า 480.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.47 ในขณะที่กัมพูชานำเข้าจากไทย มีมูลค่า 1.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงร้อยละ 14.38
ความเห็นของสำนักงานฯ
- การเลือกเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกัมพูชาเป็นชาติสมาชิกอาเซียนประเทศแรก จะเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ในด้านการค้าการลงทุน สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และ ความมั่นคง
- ไทยเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของกัมพูชา ซึ่งการมาเยือนของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ดี และสร้างความมั่นใจให้กับ นักลงทุนชาวกัมพูชาและไทยในการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้ให้ความร่วมมือซึ่งกันละกันในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการเชื่อมต่อทางรถไฟ การสร้างสะพานและจุดผ่านแดนแห่งใหม่ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดน การจัดการทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
- จากความร่วมมือของรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ได้แก่ ด้านการอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน การให้ความสำคัญด้านการค้าเสรีทวิภาคี และพหุภาคี การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชายแดน อาชญากรรมทางออนไลน์ คาดว่า ไทยและกัมพูชาจะมีปริมาณการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้น และเป็นมิตรภาพที่เข้มแข็งมากขึ้น
—————————
ที่มา:
Phnom Penh Post
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ, กัมพูชา